ไทยยกระดับปราบ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสนอนายกฯ นั่งประธาน ชี้ปัญหาใหญ่อาเซียน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่าประเด็นนี้ได้รับการยกระดับความสำคัญในที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ณ กรุงเทพมหานคร

นายประเสริฐกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมาก เนื่องจากปัญหานี้สร้างความเสียหายทั้งในด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยของประชาชน กระทรวงดีอีเอสจึงได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยตรง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ยังมีการหารือถึงการสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

การประชุมครั้งนี้มีรัฐมนตรีด้านดิจิทัลจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสและตัวแทนจากประเทศคู่เจรจา โดยประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ข้ามพรมแดน นายประเสริฐเปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือในการจัดการกับปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ การประชุมยังให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีด้านความมั่นคงไซเบอร์ รวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการรับมือภัยคุกคามทางดิจิทัล พร้อมทั้งผลักดันให้ประชาคมอาเซียนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียม

แก๊งคอลเซ็นเตอร์: ปัญหาร่วมในอาเซียน

นายประเสริฐชี้ว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยคุกคามที่กระทบทุกประเทศในอาเซียน เช่น กรณีที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการหลอกลวงประชาชนชาวลาว หรือคนไทยที่ข้ามไปหลอกลวงชาวกัมพูชาและลาว ปัญหานี้จึงต้องการความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกประเทศ

ขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยล่าสุดผู้นำกองกำลัง BGF ฝั่งเมียวดี ได้จัดประชุมกับผู้ประกอบการชาวจีนเพื่อหารือวิธีแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการทำงานร่วมกัน

ข้อเสนอยกระดับการปราบปราม

ในที่ประชุม กระทรวงดีอีเอสได้เสนอแผนการยกระดับความเข้มข้นในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเองเคยตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและศูนย์ AOC (Anti-Fake News Center) ซึ่งมีสายด่วน 1441 จะเป็นหน่วยงานที่ช่วยประสานงานและรับเรื่องร้องเรียน พร้อมทั้งดำเนินการจัดการข้อมูลจากประชาชน

นายประเสริฐย้ำว่า ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ได้ทำงานต่อเนื่องเพื่อสร้างความร่วมมือในระดับอาเซียน โดยปลัดกระทรวงดีอีเอสได้ดำเนินการเจรจาและผลักดันนโยบายมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นระบบ

การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งที่ 5 จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 17 มกราคมนี้ โดยคาดว่าประเทศสมาชิกจะร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเพื่อปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ และเดินหน้าสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน

ภาพจาก:  AFP