เตือนภัย! หลอกออนไลน์ เดือนมิถุนายน พบความเสียหาย 3,400 ล้าน
สตช. เดินหน้าปราบ "ภัยออนไลน์" แก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชน ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันสามารถจับกุมได้กว่า 2 หมื่นคดี เดือนมิถุนายนพบเสียหาย กว่า 3,400 ล้านบาท
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และภัยออนไลน์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC ที่กระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ ตำรวจในการขับเคลื่อนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ มีศูนย์ one stop service ดำเนินการปิดกั้นอายัดบัญชีให้แก่ประชาชนได้ทันที รวมทั้งให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยออนไลน์
ขณะที่กสทช. ที่ทำในเรื่องของการสื่อสารให้ความรู้ การตัดสายการสื่อสาร การตัดเครือข่ายซิมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น ที่ผ่านมา กสทช.ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางในการตัดสายสื่อสารในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันทางการเงิน ก็มีความพยายามในการหามาตรการ ความปลอดภัยทางบัญชีการเงิน เพิ่มความเข้มข้นในการอายัด เงินในบัญชี
ส่วนผลการจับกุมคดีทางออนไลน์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงเดือนมิถุนายน 2567 มีประมาณกว่า 20,000 คดี มีทั้ง พนันออนไลน์ ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ลงทุน หลอกให้กู้เงินเป็นต้น ขณะที่การรับแจ้งความคดีทางออนไลน์ต่อเดือนเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าความเสียหายลดลงจากเดือนมกราคมมีมูลค่าความเสียหาย 4,100 ล้านบาท เหลือ 3,400 ล้านบาทในเดือนมิถุยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การติดตามเงินคืนให้กับทางผู้เสียหาย หลังมีพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ที่ให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูลไปยังสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจเพื่อแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราว จากนั้นให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในเวลา 72 ชั่วโมง สามารถอายัดบัญชีได้ทันกว่า 7,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ที่บังคับใช้ จนถึง มิถุนายน 2567 ขณะที่อีกส่วนเมื่อมีการจับกุมคนร้ายและยึดทรัพย์สินก็จะนำมาเฉลี่ยคืนให้กับทางผู้เสียหาย
ข่าวแนะนำ