
นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 2,352,100 บาท
ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ Shopee แจ้งว่าผู้เสียหายเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลพิเศษ แต่จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับรางวัล ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line จากนั้นมิจฉาชีพดึงเข้า Group Line แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงิน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกดติดตามร้านค้าและจะได้รับผลตอบแทนกลับมา ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง ต่อมาให้โอนเงินไปอีกหลายครั้ง อ้างว่าต้องทำให้ถึงตามเป้าหมายที่กำหนด ผู้เสียหายจึงจะได้รับเงินโบนัสสำหรับซื้อสินค้าพร้อมทั้งส่วนลดพิเศษ ภายหลังทำถึงเป้าหมายที่กำหนดไม่สามารถติดต่อได้ ไม่ได้รับเงินโบนัสและไม่ได้รับส่วนลดพิเศษ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) มูลค่าความเสียหาย 6,530,860 บาท
โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ใช้โพรไฟล์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ อยากมีเพื่อนคุยและอยากทำความรู้จัก จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง Line พูดคุยกันจนสนิทใจแต่ไม่เคยพบเจอกัน ต่อมามิจฉาชีพแจ้งว่ากำลังเดือดร้อนเนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก จึงขอยืมเงินเพื่อไปชำระหนี้สินและจะคืนเงินให้ภายหลัง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ต่อมามิจฉาชีพขอยืมเงินอีกหลายครั้ง ในครั้งสุดท้ายเป็นยอดเงินจำนวนที่สูงมาก ผู้เสียหายเริ่มสงสัยจึงขอ VDO Call ฝ่ายชายปฏิเสธและทำการบล็อกไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 8,423,727 บาท
โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ DSI แจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน จะต้องโอนเงินให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ถ้าไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมายขั้นร้ายแรง หากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะทำการคืนเงินให้ หลังจากนั้นมีการเพิ่มเพื่อนทาง Line แนะนำให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน มีการสแกนใบหน้าและให้ข้อมูลเลขที่บัญชี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ความร่วมมือและโอนเงินไป หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 1,994,292 บาท
ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จาก Shopee จากนั้นให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการหารายได้พิเศษพร้อมค่าตอบแทนสูง โดยกดไลก์สินค้าผ่านลิงก์ที่ส่งผ่านข้อความ Line ซึ่งผู้เสียหายได้กดลิงก์เพื่อกรอกข้อมูลและมีการโอนเงินทุนสำรอง ในระยะแรกได้รับค่าตอบแทนจริง จึงลงทุนไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ จากนั้นผู้เสียหายทักไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ระบบ ปรากฏว่าไม่ได้รับการติดต่อ ไม่อ่าน ไม่ตอบข้อความ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 1,819,333 บาท
โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Line ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เป็นการขายภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยว ผู้เสียหายสนใจจึงเข้า Group Line จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่ามีกิจกรรมให้ร่วมทำเป็นการโพรโมตภาพถ่าย โดยให้เลือกภาพถ่ายที่สนใจเพื่อลงทุน และจะได้รับค่าคอมมิชชันเป็นการตอบแทน ในช่วงแรกทดลองลงทุนและได้รับเงินจริง ต่อมามีกิจกรรมอื่นให้ลงทุนอีก จึงโอนเงินไปลงทุนเพิ่มมากขึ้น ภายหลังต้องการถอนเงินออกจากระบบแต่ไม่สามารถถอนได้ มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายทำรายการผิดพลาดจะต้องโอนเงิน เพื่อแก้ไขก่อนจึงจะสามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอ

สรุปข่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,516,792 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,121 สาย
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 547,558 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,233 บัญชี
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่
(1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 170,413 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.12
(2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 128,633 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.49
(3) หลอกลวงลงทุน 79,382 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.50
(4) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 56,067 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.24
(5) หลอกลวงให้กู้เงิน 39,350 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.19 (และคดีอื่นๆ 73,713 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.46)
“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพ ใช้วิธีการต่างๆ หลอกลวงผู้เสียหาย ทั้งการหลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือหารายได้พิเศษ คดีหลอกให้รักแล้วโอนเงิน และคดีข่มขู่ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน โดยโดยส่วนใหญ่ใช้รูปแบบการหลอกลวง โดยการให้แอดเพื่อน เข้ากลุ่ม Line โดยในรายที่สูญเงินกว่า 8 ล้านบาท มีการข่มขู่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DSI แล้วข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ทั้งนี้ขอย้ำว่า หน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการโทรติดต่อโดยตรงหรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด
ดังนั้นหากมีการติดต่อเข้ามา ให้ประเมินว่าเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบ และติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดย กระทรวง ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

Tanvarut Naumpakdee
(Tanvarut Naumpakdee)