ภาวะเลือดออกในสมอง เสี่ยง "พิการ-เสียชีวิต" แนะเช็กสัญญาณเสี่ยง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต
ภาวะเลือดออกในสมอง เป็นภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาท ข้อมูลกรมการแพทย์พบอัตราการเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แนะนำการดูแลและการป้องกัน เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและความพิการ
ภาวะเลือดออกในสมอง สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่อาจมีสาเหตุแตกต่างกันไปตามช่วงวัย โดยผู้ป่วยอายุน้อย สาเหตุที่พบ มักเกิดจากสาเหตุของหลอดเลือดโป่งพอง หรือหลอดเลือดผิดปกติ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ จนเมื่อเกิดปัญหาหลอดเลือดแตก จึงมีอาการทางระบบประสาทเกิดขึ้น
นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้เป็นเวลานาน ทำให้ผนังหลอดเลือดเซาะ ฉีกขาด ทำให้หลอดเลือดสมองแตกได้ในที่สุด ทำให้เกิดมีเลือดออกในสมอง เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
สัญญาณเสี่ยงอาการเลือดออกในสมอง
-ส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงทันทีทันใด แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น ความรู้สึกตัวผิดปกติ พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง
-อาการทางระบบประสาทขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เลือดออก
-หากมีเลือดออกที่สมองน้อย แต่เป็นบริเวณของสมองที่ทำหน้าที่สำคัญในการประมวลการรับรู้และการควบคุมการสั่งการ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเซ ทรงตัวลำบาก พูดไม่ชัด ซึ่งดูแล้วอาจจะคล้ายคนเมาได้
โดยอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีเลือดออกในสมองค่อนข้างสูง จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า มีอัตราตายจากโรคหลอดเลือดในสมองแตก ร้อยละ 21.13 ขณะที่ข้อมูลในปี 2567 ที่ยังเก็บข้อมูลไม่ครบทั้งปี แต่พบว่าแนวโน้มตัวเลขสูงถึงร้อยละ 20.77
สำหรับแนวทางการรักษา จะขึ้นกับตำแหน่งและปริมาณของเลือดที่ออก หากมีเลือดออกปริมาณเล็กน้อย อาจจะให้การรักษาแบบประคับประคองและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ แต่หากเลือดออกในปริมาณมาก อาจจะมีความจำเป็นต้องผ่าตัดระบายเลือดออก และลดความดันในกะโหลกศีรษะ แต่หากสาเหตุของเลือดออกเกิดจากหลอดเลือดผิดปกติ หรือหลอดเลือดโป่งพอง แพทย์จะพิจารณาทำการรักษาด้วยการสวนหลอดเลือดเพื่อปิดทางเดินหลอดเลือดที่ผิดปกติ หรืออาจจะต้องรักษาด้วยหลากหลายวิธีร่วมกัน
การป้องกัน ที่สำคัญที่สุด
-ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ควรตรวจรักษาและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดีตลอด
-และเมื่อมีอาการที่สงสัย เช่น พูดลำบาก ปากตก แขนขาอ่อนแรง เดินเซที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ให้ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
-หากรู้อาการ ไปโรงพยาบาลเร็ว จะมีโอกาสรอดชีวิตและจะลดความเสี่ยง อัมพฤกษ์ อัมพาต ได้
ที่มาข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ภาพ : ทีมกราฟิก TNN
ข่าวแนะนำ