เตือน! นาทีอันตราย ขับรถฝ่าฝนตกหนัก
เตือน 10 นาทีแรกอันตรายสุด ขับรถฝ่าฝนตกหนัก เสี่ยงรถลื่นไถลเกิดอุบัติเหตุ
มีข้อแนะนำในการขับรถยนต์ให้ปลอดภัยขณะฝนตกหนัก ซึ่งอาจเกิดถนนลื่นเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ และมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องชาร์จไฟขณะฝนตกควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อความปลอดภัย
โดยเป็นข้อมูลคำแนะนำจากเฟซบุ๊ก ขับขี่ปลอดภัย by DLT กรมการขนส่งทางบก แนะให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ระวังอันตรายในการขับรถขณะเกิดฝนตก โดยช่วงที่อันตรายที่สุดคือ ช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ หรือ ช่วง 10 นาทีแรกที่ฝนเริ่มตก จะเป็นช่วงที่ถนนลื่นที่สุด เนื่องจากน้ำฝนที่ผสมกับฝุ่นผงและเศษดิน จะทำให้ผิวถนนเป็นพื้นโคลนหรือเหมือนมีตะไคร่น้ำเกาะอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้ถลื่นไถล และหลังจาก 10 นาทีแรกสภาพถนนจะดีขึ้น แต่ยังต้องระวังการลื่นไถลจากน้ำฝน
โดยข้อควรปฎิบัติในการขับรถขณะฝนตก
- เปิดไฟหน้ารถ เพื่อเปิดการมองเห็น
- เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้น
- ลดความเร็วลง ไม่ควรเกิน 60 กม./ชม. ต้องระวังอันตรายไม่ควรใช้ความเร็วขณะฝนตก เพราะจะทำให้รถเหินน้ำ ล้อไม่เกาะถนน เสียการทรงตัวได้
พร้อมแนะให้ตรวจเช็กสภาพรถพร้อมรับมือหน้าฝน
- ยางรถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มีดอกยาง
- เติมลมยางตามค่ามาตรฐาน ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป
- ไฟหน้ารถ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ที่ปัดน้ำฝน ใช้งานได้ปกติ
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่อาจมีคำถามและสงสัยว่า รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จไฟขณะฝนตกได้หรือไม่ และมีความปลอดภัยหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง
ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า แม้จะขับรถขณะฝนตกก็สามารถใช้งานได้ปกติ เพราะระบบไฟฟ้าต่างๆ ได้รับการปกป้องจากฉนวนไฟฟ้า และยังมีซีลกันน้ำที่ช่วยป้องกันน้ำเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี หากไฟรั่วระบบเซ็นเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันที
ทั้งนี้ขณะฝนตก ก็สามารถชาร์จไฟได้ แต่กรณีฝนตกหนัก อาจต้องรอให้ฝนเบาลง เพื่อป้องกันละอองน้ำกระเด็นเข้าไปในปลั๊กหัวชาร์จหรือในช่องชาร์จของรถ
ส่วนแท่นชาร์จ ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน และมีระบบป้องกันหรือที่ครอบ ป้องกันน้ำเข้าบริเวณหัวประจุ และมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและลงสายดิน มีความปลอดภัยสูง
สำหรับข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
-ควรจะป้องกันโดยการตรวจเช็กแท่นชาร์จ หัวประจุและสายไฟอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้วหรือไม่
-ควรกางร่มบังฝนขณะเสียบสายชาร์จ ป้องกันละอองน้ำเข้าระบบไฟฟ้าของรถยนต์
-และเช็ดบริเวณจุดชาร์จให้แห้งก่อนปิดฝา
ข้อมูล: Facebook ขับขี่ปลอดภัย by DLT กรมการขนส่งทางบก
ข่าวแนะนำ