TNN เปิดแคมเปญ ‘เมืองไทยปลอดภัย’ อัดงบค่ารักษานทท. 5 แสน - เสียชีวิตจ่าย 1 ล้าน

TNN

สังคม

เปิดแคมเปญ ‘เมืองไทยปลอดภัย’ อัดงบค่ารักษานทท. 5 แสน - เสียชีวิตจ่าย 1 ล้าน

เปิดแคมเปญ ‘เมืองไทยปลอดภัย’ อัดงบค่ารักษานทท. 5 แสน - เสียชีวิตจ่าย 1 ล้าน

ก.ท่องเที่ยว เปิดแคมเปญ "เมืองไทยปลอดภัย" อัดงบดูแลค่ารักษาพยาบาลนทท. 5 แสนบาท-เสียชีวิต 1 ล้าน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศ​

วันนี้ (14 ก.พ. 67) กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศจุดยืน "เมืองไทยปลอดภัย" พร้อมสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ กรณีมาเที่ยวไทยแล้วประสบเหตุ รัฐบาลดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ในวงเงิน 5 แสนบาท และชดเชยกรณีเสียชีวิต วงเงิน 1 ล้านบาท


น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขอใช้โอกาสวันวาเลนไทน์ ประชาสัมพันธ์การส่งมอบความรักความห่วงใยไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ด้วยโครงการ "ช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บาดเจ็บและเสียชีวิต" เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ‘เมืองไทยปลอดภัย’ เดินทางมาท่องเที่ยวแล้วทุกคนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย


ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาใช้จ่ายงบประมาณรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นวงเงิน 50 ล้านบาท ดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบเหตุในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 31 ส.ค.67 ทั้งกรณีเกิดอุบัติเหตุ อาชญากรรม และภัยด้านอื่นๆ แต่จะต้องไม่ได้เกิดจากความประมาท เจตนากระทำผิดกฎหมาย หรือมีพฤติการณ์ที่เสี่ยงให้เกิดเหตุ โดยมีอัตราชดเชยกรณีเสียชีวิตไม่เกิน 1 ล้านบาท กรณีสูญเสียอวัยวะถาวร สูญเสียดวงตา ทุพพลภาพถาวร ให้เหมาจ่าย 300,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริงไม่เกิน 500,000 บาท


ผู้ยื่นคำขอต้องถือหนังสือเดินทางที่ลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เพื่อประกอบอาชีพหรือหารายได้ สามารถยื่นคำขอได้ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ตลอดจนทางไปรษณีย์และอีเมล์ที่กำหนด


สำหรับกลไกการขับเคลื่อนในพื้นที่เมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประสบเหตุ หน่วยกู้ภัยจะเข้าพื้นที่เพื่อนำส่งสถานพยาบาล มีตำรวจในพื้นที่เป็นผู้ทำสำนวน และเจ้าหน้าที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ติดตามนักท่องเที่ยวไปยังสถานพยาบาลเพื่อตรวจสอบสิทธิช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น หากเข้าเกณฑ์ก็จะอำนวยความสะดวกกรอกเอกสารและตรวจสอบเอกสารประกอบ รวมทั้งช่วยจัดส่งเอกสารให้กองมาตรฐานและกำกับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวผ่านทางอีเมล์ภายใน 24 ชั่วโมง


ด้าน นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำระบบ Thailand Traveller Safety (TTS) เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติ (Non Thais Residents) สามารถลงทะเบียนออนไลน์ก่อนการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยใช้หนังสือเดินทางที่ตรวจลงตราวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราก็ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวเช่นกัน


ระบบ TTS จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอรับการช่วยเหลือเยียวยาได้ในเบื้องต้น โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบสิทธิได้ ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น การจัดเก็บข้อมูลจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลทุกครั้ง


ด้าน นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า สพฉ. ได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกิดจากการท่องเที่ยว (Tourist Emergency Medical Assistance Center: TEMAC) เพื่อเป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC)


เมื่อนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถประสานผ่าน TAC หรือตำรวจท่องเที่ยวหมายเลข 1155 หรือประสานผ่านเลขหมาย 1669 โดยจะมีการตรวจสอบสิทธิ และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการดูแลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การปฏิบัติการฉุกเฉินและบูรณาการความรู้ของแต่ละฝ่าย ให้มีความพร้อมในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ให้ได้รับการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่รวดเร็ว มีคุณภาพ และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับประเทศและสากล โดยตระหนักถึงประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว ให้ได้รับบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งในภาวะปกติและภาวะสาธารณภัย


พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยถึงภารกิจของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่จะร่วมสร้างความอบอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในด้านการดูแลความปลอดภัย โดยมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว (Command and Control Operation Center: CCOC) และโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) ซึ่งประยุกต์มาจากแนวทางการดำเนินการโครงการ Smart Safety Zone

รวมถึงจะเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และแก้ไขปัญหาการหลอกลวง เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย


ภาพจาก: AFP 

ข่าวแนะนำ