10 เขื่อนหลักทั่วประเทศระดับน้ำวิกฤต เหลือไม่ถึง 30%
10 เขื่อนหลักทั่วประเทศระดับนำวิกฤต ปริมาณน้ำเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 ของความจุ เกษตรกรบางจว.ชะลอการทำนา
วันนี้ ( 7 ก.ค. 66 )เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท น้ำต่ำกว่าเกณฑ์เข้าสู่เดือนที่ 7 แล้วไม่สามารถทำนาได้ในหลายพื้นที่ ด้านสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เผยปริมาณน้ำเขื่อนหลักทั่วประเทศ มี 10 เขื่อนอยู่ในระดับวิกฤต เหลือน้ำไม่ถึงร้อยละ 30 ของความจุเขื่อน
สถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อน เมื่อวานนี้ ( 7 ก.ค. 66 ) ยังคงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เข้าสู่เดือนที่ 7 หรือวันที่ 210 แล้ว ส่วนระดับน้ำท้ายเขื่อนก็อยู่ในระดับต่ำ หลายจุดมีสันดอนทรายโผล่ให้เห็นเป็นช่วงๆ บางจุดสามารถเดินข้ามไปมาได้ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา ยังต้องคงการระบายน้ำไว้ที่ 65 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็มปากแม่น้ำเจ้าพระยา
จากสถานการณ์ ภาวะฝนทิ้งช่วง และปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนเจ้าพระยาที่ยังมีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้ชาวนาในจังหวัดชัยนาทส่วนใหญ่ จำเป็นต้องชะลอการทำนาออกไปก่อน เพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในช่วงนี้น้อยจนไม่สามารถนำมาใช้สำหรับการเพาะปลูกได้เพียงพอ และคาดว่าจะเกิดภาวะเช่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนสิงหาคม ถ้าฝืนทำการเพาะปลูกก็จะยิ่งเสี่ยงเสียหายจากภัยแล้ง ส่งผลให้นาข้าวหลายพื้นที่ต้องปล่อยทิ้งร้างทั้งที่เข้าสู่หน้าฝยมานากว่า 1 เดือนแล้ว
ด้านระบบคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยสถานการณ์น้ำเขื่อนหลักทั่วประเทศ ล่าสุดเมื่อวานนี้(6 ก.ค.) พบว่าปริมาณน้ำใน 10 เขื่อน อยู่ในระดับวิกฤต ปริมาณน้ำเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 ของความจุแล้ว แบ่งเป็น
ภาคเหนือ มี 1 เขื่อนที่อยู่ในระดับวิกฤต ได้แก่ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 1 เขื่อนที่อยู่ในระดับวิกฤต ได้แก่ เขื่อนน้ำพุง จังหวัดสกลนคร ภาคกลาง มี 2 เขื่อนที่อยู่ในระดับวิกฤต ได้แก่ เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี
ภาคตะวันออก มี 3 เขื่อนที่อยู่ในระดับวิกฤต ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก เขื่อนนฤบดินทรจินดา จังหวัดปราจีนบุรี และเขื่อนคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา ภาคใต้ มี 2 เขื่อนที่อยู่ในระดับวิกฤต ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และ เขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นอกจากนี้ยังพบว่ามีพื้นที่ภาคกลางเพียงเพื่อนที่เดียว ที่ปริมาณน้ำในเขื่อนทุกแห่งรวมกันอยู่ในระดับวิกฤต โดยเหลือเพียง 285 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 20 ของความจุเขื่อนทั้งหมดรวมกันเท่านั้น
ด้าน กรมอุตุนิยมวิทยา เผยสภาพอากาศวันนี้(7 ก.ค.) ยังแปรปรวน และมีแนวโน้มปริมาณฝนลดลง แต่ยังมีกระจายอยู่บ้างทางภาคเหนือและอีสานตอนบน ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานด้านตะวันตก ภาคกลาง (รวม กทม. และปริมณฑล) ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนบางจุดบางพื้นที่ เนื่องมาจากมรสุมที่อ่อนกำลังลง ประกอบความกดอากาศสูง มวลอากาศเย็นจากทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิกแผ่ซึมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ทิศทางลมในระดับบนๆ เปลี่ยนทิศทาง ส่วนทางภาคใต้ยังมีมวลอากาศเย็นจากซีกโลกใต้แผ่เสริมขึ้นมาปกคลุมภาคใต้ตอนล่างอีก
ส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานด้านตะวันตก ภาคกลาง เริ่มมีฝนทิ้งช่วงบ้างแล้วบางพื้นที่ หรือบางพื้นที่ฝนยังไม่ขาดช่วงแต่ฝนที่ตกยังมีปริมาณน้อย ตกไม่สม่ำเสมอ ไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งอุปโภค บริโภคและด้านการเกษตร จึงยังต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและบริหารน้ำอย่างรัดกุม
ภาพจาก : สำนักงานชลประทานที่12 เขื่อนเจ้าพระยา จ. ชัยนาท