TNN online เติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร? เพื่อไม่ให้รถพังไปซะก่อน

TNN ONLINE

สังคม

เติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร? เพื่อไม่ให้รถพังไปซะก่อน

เติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร? เพื่อไม่ให้รถพังไปซะก่อน

ไขข้อสงสัย "เติมน้ำมันผิด" ผิดประเภทต้องทำยังไง ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถพัง ดูข้อมูลได้เลยที่นี่!

ไขข้อสงสัย "เติมน้ำมันผิด" ผิดประเภทต้องทำยังไง ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถพัง ดูข้อมูลได้เลยที่นี่!


เติมน้ำมันผิด เรียกว่าปัจจุบันยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง มีทั้งพนักงานเติมผิด และ ผู้ใช้รถบอกชื่อน้ำมันผิด ซึ่งเมื่อเติมผิดแล้วทำให้เกิดปัญหาตามมา หลายคนก็ยังไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรก่อนดีเผื่อไม่ให้เครื่องยนต์พัง โดยข้อมูลจาก FIT Auto ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลไว้ดังนี้


รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์


1. ปิดสวิตช์กุญแจห้ามสตาร์ทรถยนต์โดยเด็ดขาด เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั๊มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันที


2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมด


3. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5-10 ลิตร


4. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด


5. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)


6. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่


7. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่


8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ

รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้วจนหยุดทำงาน


1. ให้ปิดสวิตช์กุญแจดับเครื่องยนต์ทันที


2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังทั้งหมด


3. ถอดและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่


4. ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) ล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่


5. ถอดปั๊มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเทสปั๊มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินไม่มี)


6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์ เช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์ไอดี-ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่ (อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบและก้านวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย)


7. หลังจากจัดการข้อ 4-6 เรียบร้อยแล้วให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร


8. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5 -10 ลิตร


9. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด


10. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)


11. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่


12. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่


13.ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ


ขอบคุณข้อมูลจาก FIT Auto

ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง