ข้าวโพดหวานต้มนานสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่ม ป้องกันมะเร็งได้

ขอเสิร์ฟเกร็ดความรู้วันนี้ เป็นเรื่องของข้าวโพดหวาน ซึ่งมีข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารของมหาวิทยาลัย Cornell ระบุว่า การปรุงข้าวโพดหวานไม่ว่าจะเป็นการต้มหรือเก็บไว้ในซัง จะเป็นประโยชน์ที่สามารถลดโอกาสของการเกิดโรคหัวใจและมะเร็งได้ 

หลายคนทราบกันดีว่าการต้มผักจะทำให้เราสูญเสียผลประโยชน์จากพืช ผักเหล่านั้น แต่สำหรับ ข้าวโพดหวาน ฝักสีเหลืองทอง ยิ่งต้มเป็นเวลานานๆ สารต้านอนุมูลอิสระจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะในข้าวโพดหวานนั้นมีสารต้นอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า กรดเฟอรูลิก (Felrulic Acid) ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ และยังช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังอีกด้วย 

มาดูช่วงเวลาของการต้นข้าวโพดหวานกันดีกว่า ว่าแต่ละช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไรบ้าง 

10 นาที : หากต้มเป็นเวลา 10 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจะเพิ่มขึ้น 21% และปริมาณของกรดเฟอรูลิกจะเพิ่มขึ้น 240% 

25 นาที : การต้มระยะเวลา 25  ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจะเพิ่มขึ้น 44 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้น 550 %

50 นาที : หากต้มนาน 50 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึง 53 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้นถึง 900 %

ต้องยอมรับว่า ข้าวโพดนับเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก นอกจากนี้แล้วข้าวโพดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก 

ดังนั้นจากที่ได้รู้ถึงประโยชน์ของการต้มข้าวโพดหวานในระยะเวลาแต่ละช่วงแล้ว การรับประทานข้าวโพดหวานเป็นประจำก็ยังช่วยให้เราได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย 

credit pic : Pixabay