เตือนภัย! มิจฉาชีพ อ้างเป็นตร.โทรทวงค่าปรับ เช็กใบสั่งเองง่ายๆที่นี่
ตำรวจนครบาลเตือนภัย! มิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจจราจร โทรทวงค่าปรับ อ้างมีใบสั่งฯตีเนียนขู่ออกหมายจับ พร้อมแจ้งขั้นตอน-ช่องทางชำระค่าปรับ
เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศ หลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประชาสัมพันธ์มาตรการบังคับใช้กฎหมายจราจรโดยจะออกใบเตือน ออกหมายเรียก และออกหมายจับ แก่ผู้ที่ละเลยการชำระค่าปรับจราจรตามกฎหมาย พบว่ามีมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจ โทรศัพท์ไปข่มขู่ประชาชน สวมรอยเป็นตำรวจจราจร แจ้งว่าเหยื่อได้รับใบสั่ง หากไม่โอนเงินเพื่อชำระค่าปรับ จะถูกออกหมายจับ
จากกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า กรณีมีประชาชนโทรมาแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1197 และมีข้อมูลปรากฏทางสื่อโซเซียลมีเดียว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โทรทวงเงินค่าปรับใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ โดยอ้างว่าผู้ที่รับสายได้กระทำผิดกฎหมายจราจร และหากไม่โอนเงินชำระค่าปรับจะออกหมายจับ นั้น
“กรณีดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอยืนยันว่าไม่มีการปฏิบัติโดยวิธีการโทรไปทวงให้ชำระค่าปรับและโอนเงินเพื่อชำระค่าปรับอย่างแน่นอน”
แจ้งข้อมูลเพื่อรู้เท่าทันมิจฉาชีพ ดังนี้
1. เมื่อท่านกระทำผิดกฎหมายจราจร กรณีถูกกล้องตรวจจับกระทำความผิด เจ้าพนักงานจะนำส่งใบสั่งจราจรตามข้อหาที่กระทำความผิด ไปให้ท่านทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โดยการชำระค่าปรับ ผู้ที่ชำระจะต้องนำใบสั่งจราจรซึ่งจะมีแถบบาร์โค้ดปรากฏอยู่บริเวณมุมล่างซ้าย เพื่อใช้ยืนยันในการชำระทุกครั้ง
สามารถชำระค่าปรับได้ 3 ช่องทาง ได้แก่
1.1) ทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้ทุกธนาคาร และตู้บุญเติม
1.2) จุดบริการชำระเงินอื่น ๆ ได้แก่ ไปรษณีย์ทุกสาขา และจุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่มีสัญลักษณ์ คำว่า “PTM”
1.3) สามารถเดินทางไปชำระได้ที่สถานีตำรวจทุกสถานี
2. กรณีหากผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจร ยังไม่ได้ชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นหน่วยงานผู้ออกใบสั่ง จะทำการออกใบเตือนส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเช่นเดียวกัน เพื่อแจ้งเตือนให้ชำระค่าปรับ “ไม่มีวิธีการให้เจ้าหน้าที่โทรไปแจ้งให้ชำระค่าปรับและโอนเงินมาให้โดยตรง”
3. การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ไม่มาชำระค่าปรับ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และหากมีการออกหมายเรียกจะดำเนินการเน้นหนักไปที่ผู้กระทำความผิดซ้ำซาก และเป็นข้อหาที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ส่วนการออกหมายจับจะดำเนินการหลังจากมีการออกหมายเรียกไม่น้อยกว่า 2 ครั้งและผู้กระทำผิดไม่มาพบพนักงานสอบสวน จากนั้นจึงจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอน จะไม่มีวิธีการแจ้งโทรไปให้ชำระค่าปรับ หรือขู่จะออกหมายจับอย่างแน่นอน จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบ และอย่าได้หลงเชื่อพวกมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ และในรูปแบบอื่น ๆ ที่หลอกลวงให้โอนเงินเป็นอันขาด และหากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่เพื่อดำเนินการต่อไป
หากมีข้อสงสัยว่ามีใบสั่งค้างชำระหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ผ่านช่องทางใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน https://ptm.police.go.th
ขั้นตอนตรวจสอบใบสั่งออนไลน์
1. เข้าเว็บไซต์ ptm.police.go.th/eTicket จากนั้นเลือกเมนู ลงทะเบียนใช้งาน
2. กรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชนและเลขหลังบัตรหรือ Laser ID จากนั้นคลิกปุ่ม ถัดไป
3. เลือกรูปแบบข้อมูลที่ต้องการใช้ลงทะเบียน ข้อมูลรถที่ครอบครองหรือใช้ข้อมูลใบขับขี่ โดยจะเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จากนั้นกด ถัดไป
4. กรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มให้ครบถ้วน จากนั้นคลิก ถัดไป
5. ระบบจะแสดงข้อมูลทั้งหมดที่ได้กรอกไว้ ทำการตรวจสอบความถูก แล้วกรอกอีเมลเพื่อใช้ในการลงทะเบียน กดถัดไป
6. ตรวจสอบอีเมลที่ใช้ยืนยัน นำรหัส OTP จำนวน 6 หลักที่ทางระบบส่งไปยังอีเมลมาใช้เพื่อยืนยันการสมัคร
7. ตั้งรหัสผ่าน และ ยืนยันรหัสสผ่านอีกครั้ง เสร็จแล้วคลิก ลงทะเบียน เป็นอันเสร็จสิ้นสามารถ Login เข้าใช้งานได้เลย
8.ทำการ Login ด้วยเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่านที่ตั้งไว้ จากนั้นเลือกช่วงเวลาที่ต้องการตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ กรอก ทะเบียนรถ เลขที่ใบสั่ง กดค้นหาหากมีใบสั่งขึ้นมาในระบบแสดงว่ามีใบสั่งค้างชำระ แต่หากไม่มีการค้างชำระ ระบบจะแจ้งว่าไม่พบข้อมูลใบสั่งในระบบ
วิธีการจ่ายเงินค่าปรับใบสั่งจราจร
สถานีตำรวจ ธนาคารกรุงไทย ไปรษณีย์ไทย หรือตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยและตู้บุญเติม สามารถชำระค่าปรับได้เลย หรือ ชำระผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน KrungThai NEXT
ที่มา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ภาพจาก TNN Online / ราชกิจจาฯ