รู้ไว้ปลอดภัย! ตร.เผย "10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่"
ตร.ประกาศ “10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่” ผบ.ตร. มีความห่วงใย กำชับ สั่งการ ออกมาตรการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด
วันนี้( 23 ธ.ค.64) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565
พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกำชับสั่งการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในห้วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2565 และกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งได้จัดทำ
10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีดังนี้
1.ไม่ประดับสวมใส่ทรัพย์สินมีค่า
2.สำรวจทรัพย์สิน และล็อคประตูหน้าต่างที่พัก
3.เจ้าของผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิด
4.เลี่ยงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อยู่บริเวณเปลี่ยว
5.ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
6.ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ
7.ไม่ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ
8.ระมัดระวังในการจุดพลุ
9.กรณีพบเห็นบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
10.กรณีพบเหตุด่วนเหตุร้าย แจ้ง 191 หรือ 1599 หรือหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจกว่า 80,000 นาย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านจราจร ปราบปรามด้านอาชญากรรม และยังมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด โดยเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวด
หากพี่น้องประชาชนพบเห็นอุบัติเหตุ หรือพบเห็นการกระทำความผิด กรุณารีบแจ้ง สถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน หรือโทร. สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพจาก AFP