ปิดภารกิจนายกฯ เยือนฝรั่งเศส - เยอรมนี บริษัทชื่อดังสนใจลงทุนไทยเพียบ
ปิดภารกิจนายกฯ เยือนฝรั่งเศส - เยอรมนี ย้ำ การเดินสายต่างประเทศประสบผลสำเร็จ และผลงานจะทยอยออกมาเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
วันนี้ ( 14 มี.ค. 67 )นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ภายหลังเดินสายต่างประเทศ 9 วัน โดยภารกิจวานนี้ (13 มี.ค.) นายกฯได้หารือ กับ นายโอลาฟ ชอล์ซ นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ร่วมแถลงข่าว ภายหลังหารือทวิภาคีร่วมกัน
ทั้งนี้ผู้นำทั้งสอง เห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยจะมีการหารือในรายละเอียด ความร่วมมือต่อไป ภายใต้กลไกการหารือทวิภาคีที่มีอยู่ โดยไทยเชื่อว่า ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทั้งสองประเทศจะทวีความร่วมมือทวิภาคีที่ครอบคลุม ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคกับอาเซียนและในอินโด-แปซิฟิก และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ก้าวข้ามความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ยังได้ยืนยันความพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด การผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และไฮโดรเจนสีเขียว การส่งเสริมความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย การถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยี รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยนายกรัฐมนตรีไทย ให้ความเชื่อมั่นในการดูแลธุรกิจการลงทุนของเยอรมนี ในภาคส่วนยานยนต์ดั้งเดิม ที่มีเครื่องยนต์สันดาป และไฮบริดด้วย
พร้อมกันนี้ นายกฯยังเชิญให้เยอรมนี เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand โดยเฉพาะโครงการ Landbridge การส่งเสริมการค้าการลงทุนผ่านการผลักดันความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รวมทั้งการสนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนและการท่องเที่ยว ผ่านการผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยกเว้นตรวจลงตราเชงเกน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทย / นอกจากนี้ ยังได้พบปะพูดคุยกับภาคเอกชน 7 ราย เช่น BMW , Volkswagen , Merced Benz เพื่อขยายฐานการลงทุน
ขณะที่เยอรมนี สนับสนุนข้อเสนอของไทยในการเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ โออีซีดี ( OECD ) ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปซึ่งเชื่อว่า จะช่วยพัฒนาความร่วมมือทางด้านการค้าการลงทุน และช่วยพัฒนาศักยภาพร่วมกัน
การเดินทางเยือนเยอรมนี ถือเป็นประเทศสุดท้ายของการเดินสายต่างประเทศของนายกฯ ต่อจาก ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 4-14 มีนาคม 2567 โดยนายกฯได้ชี้ว่า การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ ภารกิจตลอด 9 วันที่ผ่านมา ถือว่า ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นายกฯยังยกตัวอย่าง ที่ต่อยอดจากงาน ITB Berlin 2024 ที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมประกาศว่า ปีหน้าจะผลักดันเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ให้เป็นวาระแห่งชาติ และจะยกระดับศิลปะวัฒนธรรมไทย อาหาร แฟชั่น ให้เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก รวมทั้งมีมิชลินไกด์ และห้างระดับโลก มาจัดแสดงสินค้าที่ประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกัน ยังมีการพูดคุยการจัดฟอร์มูล่าวัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ในไทย
ส่วนการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้พบปะพูดคุยกับ นายเอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส มีการผลักดัน FTA รวมถึงมีการหารือการยกเว้นวีซ่าเชงเก้น ซึ่งเป็นวาระที่พูดกับทุกประเทศที่ไปสหภาพยุโรป ซึ่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส พร้อมให้การสนับสนุนทั้ง 2 เรื่อง
ทั้งนี้นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่ ว่า นายทักษิณไม่ได้กลับบ้านมาตั้ง 17 ปี และเป็นธรรมดาที่อยากกลับบ้านอีกทั้งยังมีญาติที่รอคอยที่จะพบกัน
ส่วนภารกิจของตน ที่จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ (15 มี.ค.) นั้น มีการกำหนดการเดินทางล่วงหน้า ก่อนที่จะทราบวันที่นายทักษิณ ลงพื้นที่ด้วย ส่วนจะมีโอกาสได้พบกับนายทักษิณ หรือไม่นั้น นายกฯตอบว่า น่าจะมีโอกาส
ส่วนที่มีข้อสังเกตว่า นายทักษิณเคลื่อนไหวคู่ขนานกับนายกฯ นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด และที่ผ่านมา ตนพร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาจากอดีตนายกฯ หลายท่านเพราะแต่ละท่าน ก็มีความรู้ความสามารถดีทั้งนั้น การที่ใครจะอยู่พรรคอะไร ใครรักใคร ชอบใคร ก็เป็นสิทธิ และเป็นเรื่องของบุคคลนั้นๆ ตนมีหน้าที่บริหารบ้านเมืองในฐานะนายกฯ ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าใครมีข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะดีๆ ตนรับฟังตลอด
ข้อมูลจาก: ทำเนียบรัฐบาล
ภาพจาก: ทำเนียบรัฐบาล
ข่าวแนะนำ