สิ้นสุดทางเลื่อน "โหวตนายกฯ" ล้มดีล MOU
ถือว่ามีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญ หลังเพื่อไทยและก้าวไกล ประกาศตัดสัมพันธ์ ล้มดีล MOU พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค เพื่อนับหนึ่งสู่การจัดจับขั้วการเมืองใหม่ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เป้าหมายสู่การส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้รับชัยชนะในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย เกมการเมืองนี้เป็นอย่างไร ติดตามได้จากรายงาน
ในที่สุดรอยร้าวระหว่าง 2 แกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างพรรคก้าวไกล และเพื่อไทย ก็ถึงเวลาแยกทางอย่างเป็นทางการ เมื่อแกนนำพรรคเพื่อไทย นำทัพแถลงตัดสัมพันธ์ทางการเมืองกับพรรคก้าวไกล ยกปัญหาความไม่สบายใจ จากการไม่ยอมถอยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 จึงต้องขอโอกาสไปจับขั้วใหม่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเตรียมเปิดตัวพันธมิตรใหม่ ตามฤกษ์ 3:3 วันที่ 3 สิงหาคม เวลา 15.00 น. นัดแถลงข่าวเปิดตัวพรรคที่จะร่วมรัฐนาวาภายใต้แกนนำรัฐบาลที่ชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังต้องมาลุ้นว่าจะได้กี่พรรค และมีเสียง สส.กี่คน
ทั้งนี้ การประกาศแยกทางของพรรคเพื่อไทย เท่ากับเป็นการล้มดีล MOU 8 พรรคร่วมที่ก้าวไกลเป็นแกนนำ ซึ่งรวมได้ 312 เสียง แต่ไม่เพียงพอที่จะเข้าวินเป็นรัฐบาลได้ ทำให้มติพรรคร่วมยกให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางแผนเดินสายขอคะแนนเสียง สส. และสว. ที่ล้วนเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมเพื่อไทย หากไร้พรรคก้าวไกลร่วมตั้งรัฐบาล
นำมาสู่การประกาศหย่าขาดทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ส่งผลให้ MOU ที่ทำร่วมกันก็เป็นอันยุติ ทั้ง MOU จาก 8 พรรค และ MOU ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ตอนเลือกประธานสภา ซึ่ง MOU ฉบับ 2 พรรค คือ ข้อตกลงจะร่วมมือกันผลักดันกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ และการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งไม่มีอีกแล้ว
ขณะที่เส้นทางพรรคเพื่อไทย หลังจากนี้ คือ เปิดตัวพรรคร่วมตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทำ MOU ฉบับเพื่อไทยและพันธมิตร พร้อมเคาะชื่อเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยในวันที่ 4 สิงหาคมนี้
แต่ต้องไม่ลืมว่าเสียงโหวตแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย อาจจะไม่มีเสียง สส. 151 เสียง ของพรรคก้าวไกลร่วมโหวตเลือกนายเศรษฐาด้วย ดังนั้น การเปิดดีลการเมืองพรรคร่วมชุดใหม่ จะต้องได้ใจ สว.ในสภาด้วย เพื่อการันตีไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แบบที่ก้าวไกลเผชิญในการโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมีคะแนนเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งในรัฐสภา คือ 375 เสียง โดยเฉพาะการประกาศไม่ร่วมกับ 2 พรรรครัฐบาลเดิม อย่างพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ตามที่ได้เอยเป็นสัญญาประชาคมไว้ในระหว่างการหาเสียง ทำให้ยังต้องลุ้นเสียงของ สว. ที่จะโหวตหนุนให้พรรคเพื่อไทยถึงฝั่งฝัน ตามแผนเดินเกมเพื่อไทย ที่ยอมถอยแทบสุดซอย และสุ่มเสี่ยงต่อคะแนนนิยมพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เกมดีลพันธมิตรของเพื่อไทยครั้งนี้ เดิมพันสูง เพื่อขอกลับมาเป็นรัฐบาล ทวงคะแนนนิยมกลับคืน ผลักคู่แข่งคนสำคัญอย่างก้าวไกล เป็นฝ่ายค้าน การันตีเป็นวิถีชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของประชาชน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นทั้งใน และต่างประเทศ ดังนั้น เพื่อไทยต้องทำทุถกวิถีทางที่จะคว้าโอกาสครั้งสำคัญนี้ ปูทางสู่เป้าหมายการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่ไม่มีอะไรนอนมาเหมือนในอดีต
ทิศทางการเมืองไทย หลังจากนี้จะเป็นเช่นไร หลัง 4 สิงหาคมนี้ คงได้รู้กัน
ภาพ พรรคเพื่อไทย