ยธ.ยกบ้านนาสารโมเดล ชงปลดล็อคพืชกระท่อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินหน้าแก้กฎหมาย ปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ยกบ้านนาสารโมเดลคุมกระท่อม ขณะที่ชาวบ้านยัน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หลังต้มน้ำใบกระท่อมกิน ทำให้ระดับน้ำตาลดีขึ้น
วันที่
20 มกราคม 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พร้อมด้วยนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล
รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และนายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษา ป.ป.ส.พร้อมคณะ
ลงพื้นที่โรงเรียนท่าชีวิทยาคม ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อเปิดโครงการศึกษาวิจัยเพื่อสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลพืชกระท่อมพื้นที่นำร่อง
ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีหน่วยงานราชการท้องถิ่น ผู้นำชุมชน
และชาวบ้านในพื้นที่รอต้อนรับ
นายสมศักดิ์
กล่าวกับชาวบ้านว่า ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่
5 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
เพราะกระท่อมมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวด ใช้แทนมอร์ฟีน
แต่สามารถออกฤทธิ์ได้ดีกว่ามอร์ฟีน 13-17 เท่า
และนำไปใช้บำบัดเลิกยาบ้า ยาไอซ์ นอกจากนี้ยังสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่เพาะปลูก
ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน
เนื่องจากกระท่อมสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
ทั้งยาแคปซูลแก้ปวดเมื่อย และเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มชูกำลัง
ทั้งนี้ต้องขออนุญาตจากทาง อย.ก่อน ซึ่งจะมีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำ MOU
กันต่อไป
นอกจากนี้
ยังมีรายงานสถิติผู้ถูกจับกุมคดีครอบครองพืชกระท่อมในปี 2562 มากถึง 60,000
คดี คิดเป็นความเสียหายจากคดีมากถึง 1,800 ล้านบาทต่อปี
ทำให้ภาครัฐมีค่าใช้จ่ายทางคดีให้กับคำรวจ อัยการ และศาล ประมาณคดีละ 30,000
บาท หากกระท่อมไม่เป็นยาเสพติด
จะประหยัดงบประมาณรัฐไปได้อย่างมหาศาล
นายสมศักดิ์
ย้ำด้วยว่า จะเร่งดำเนินการปลดล็อคพืชกระท่อมให้แล้วเสร็จภายในกลางปีนี้
โดยผลการประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ออกมาเห็นด้วย 99% และในวันที่ 22 ม.ค.นี้จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้สำนักงาน
ป.ป.ส. พิจารณา และคาดว่าจะเสนอเข้า ครม.ได้วันที่ 3 มี.ค.
จากนั้นจะส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนนำกลับเข้า ครม.
เสนอเข้าสภาตามขั้นตอนต่อไป คาดว่าสภาจะพิจารณาแล้วเสร็จประมาณเดือนมิ.ย.นี้
ด้าน
นายสงคราม บัวทอง กำนัน ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี บอกว่า ที่นี่เป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทย
ที่ ป.ป.ส.อนุญาตให้ปลูกกระท่อมเพื่อการวิจัยตั้งแต่ปี 2559 โดยมีการควบคุมพืชกระท่อมกว่า
1,500 ต้น ปลูกอยู่ในพื้นที่ 6 หมู่บ้านของ
ต.น้ำพุ ประกอบด้วย หมู่ 1 บ้านยางอุง หมู่ 2 บ้านน้ำพุ หมู่ 3 บ้านนายาว-ดอนสร้อยทอง หมู่ 4
บ้านดอนทราย หมู่ 5 บ้านหนองต้อ และหมู่ 6
บ้านควนใหม่ โดยมีการควบคุมการปลูกพืชกระท่อมอย่างเข้มงวด
ติดบาร์โค้ดทำข้อมูลทุกต้น
และมีการกำหนดกติกาประชาคมระดับตำบลควบคุมกันเองอีกชั้นหนึ่ง
ซึ่งชาวบ้านรอคอยให้การปลดล็อกพืชกระท่อมมานาน
ที่ผ่านมาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำการศึกษาวิจัยพืชกระท่อม เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
หลังจากนี้จะส่งรายงานการวิจัยไปที่ ป.ป.ส. ภาค 8 และรายงานต่อรมว.ยุติธรรมต่อไป
จากนั้น
รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ เดินทางไปดูต้นกระท่อมแฝดอายุกว่า 100 ปี ของนายสุจิน
ชูชาติ อายุ 74 ปี ชาวบ้านวังหล้อ ต.นาสาร
ซึ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับต้นกระท่อมมานาน โดยนายสุจิน เล่าว่า
ต้นกระท่อมแฝดนี้อยู่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่เกิด
และเคยใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคปวดท้อง
ขณะที่นางเพลินพิศ
แซ่เขา อายุ 54 ปี บอกว่า ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน จึงต้มน้ำใบกระท่อมกิน
ทำให้ระดับน้ำตาลดีขึ้น
แต่ยังมีความห่วงใยว่าหากมีชาวบ้านถูกจับกุมคดีครอบครองใบกระท่อมระหว่างรอแก้กฎหมายจะทำอย่างไร
ซึ่ง รมว.ยุติธรรม รับปากว่า
จะให้ยุติธรรมจังหวัดเข้าไปช่วยดูแลเรื่องการประกันตัว ส่วนในระยะเวลา 3-6 เดือนข้างหน้าหากไม่สามารถทำได้
จะนำเงินมาจ่ายให้ประชาชนที่ร่วมกันปลูกและดูแลต้นกระท่อม หรือไม่ก็จะโค่นทิ้ง
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand