สั่งเข้ม! ห้ามเผาไร่อ้อยและพื้นที่เกษตร ถูกจับจำคุก 7 ปี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว สั่งเข้มเอาจริง ห้ามเผาไร่อ้อยและพื้นที่การเกษตร หากถูกจับกุมจะถูกดำเนินคดีอาญา จำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับ 1 แสนบาท หลังปริมาณฝุ่นและมลพิษในจังหวัดพุ่งสูงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
วันที่ 20 มกราคม 2563 นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยภายหลังได้รับรายงานสถานการณ์มลพิษและฝุ่นละออง
PM 2.5 ในพื้นที่ จ.สระแก้ว พุ่งสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังมีการระดมหน่วยงานบูรณาการเพื่อฉีดพ่นไอน้ำลดหมอกควันในพื้นที่เมืองอรัญประเทศ
จ.สระแก้ว ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ยังไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นละอองและปัญหามลพิษทางอากาศให้ลดลงได้
แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นเพราะยังมีการเผาไร่อ้อยและพื้นที่การเกษตรต่อเนื่องทุกวัน
ว่าสถานการณ์ฝุ่น
PM 2.5 ใน จ.สระแก้วจากเครื่องวัดอากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา
พบว่า วัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีส้ม
ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วเราก็ได้มีการรณรงค์ออกไปฉีดพ่นไอน้ำเพื่อลดมลภาวะที่เกิดขึ้น
ซึ่งใน จ.สระแก้ว ตอนนี้มีมาตรการแจ้งไปยังพื้นที่ตั้งแต่นายอำเภอ ส่วนราชการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ควบคุมมลพิษที่เกิดจากการเผาและการก่อสร้าง โดยการเผา ได้กำชับให้
นายอำเภอ เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ขอความร่วมมือในการงดการเผาตอซังข้าว และการเผาอ้อย ซึ่งเป็นปัญหาหลัก
นายวรพันธุ์
กล่าวด้วยว่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกกฎหมายเรื่องของการเผา
กรณีมีการเผาและลามเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า
รวมทั้งกฎหมายอาญา หากมีการเผาและเกิดไฟไหม้ลามไปบ้านเรือนหรือทรัพย์สินของชาวบ้าน
ถือเป็นความผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ,กรณีที่ 2 หากเผาแล้วไปกระทบกระเทือนเรื่องของสุขภาพร่างกายของชาวบ้าน
ถือว่าผิดกฎหมาย พรบ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญาเช่นกัน
ทั้งนี้
ในส่วนของโรงงานอ้อย ต้องเป็นผู้ตรวจสอบว่า
แต่ละวันมีอ้อยที่เข้าโรงงานในแต่ละวันมีอ้อยสดเท่าไหร่ อ้อยไฟไหม้เท่าไหร่
เพื่อแก้ปัญหาโดยมีการหักเงินสำหรับอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาท แล้วนำเงินดังกล่าวคืนให้กับคนที่ตัดอ้อยสด
ซึ่งหากโรงงานมีการซื้ออ้อยไฟไหม้ในอัตราที่เกินกว่าที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลกำหนดมาจากส่วนกลาง
ก็จะมีการปรับโรงงานในอัตรา 12 บาทต่อตันอ้อย
เพื่อนำมาเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาล ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องการก่อสร้าง
ได้กำชับไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดูแลการก่อสร้างถนน สะพาน
โดยเฉพาะแขวงทางหลวงชนบทสระแก้ว โยธาธิการจังหวัด หรือ อบจ.ที่มีการก่อสร้างต้องดูแลปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง
ดูแลรดน้ำแก้ปัญหาฝุ่นด้วย
"ปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่ จ.สระแก้ว
เราได้มีการควบคุมดูแลโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกภาคส่วน
พร้อมทั้งฝากไปยังประชาสัมพันธ์จังหวัด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
เข้ามาช่วยกันรณรงค์ ทั้งนี้ ปัญหาเกิดจากมนุษย์
หากจะลดปัญหาต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในการลดการเผา
ซึ่งหากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่
อากาศที่ทุกท่านสูดดมอยู่ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพของท่านด้วย
โดยขณะนี้ได้เตรียมการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำร่างประกาศห้ามเผาในพื้นที่
จ.สระแก้ว แล้ว เหมือนกับอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง
ด้วยเช่นกัน" นายวรพันธ์ กล่าว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand