ชาวบ้านร้องหน่วยงานปิดโรงงานไม้ ลักลอบปล่อยมลพิษ
พิจิตรเดือดร้อน! ชาวบ้านร้องหน่วยงานปิดโรงงานไม้ ลักลอบปล่อยมลพิษ ควันพิษ เขม่า น้ำเสีย ซ้ำทิ้งขยะลงแม่น้ำยม
ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านและชุมชนในเขตเทศบาลตำบลโพทะเล อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ได้รวบรวมรายชื่อยื่นร้องเรียนต่อนายสิทธิศักดิ์ ศรีสง่า นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพทะเล เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหามลพิษจากโรงงานแปรรูปไม้แห่งหนึ่ง (โรงเลื่อยจักรโพทะเล จำกัด) ที่ตั้งอยู่กลางชุมชน ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นวงกว้าง
โรงงานดังกล่าวได้ปล่อยมลพิษทั้งทางอากาศและน้ำ ทั้งควันดำ กลิ่นเหม็น เขม่าถ่านฝุ่นละออง รวมถึงน้ำเสียที่ปล่อยลงสู่แม่น้ำยม ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ มีผื่นคัน มีเศษเถ้าถ่านปกคลุมบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ
นายสุนทร รอดเลี้ยง อายุ 68 ปี อดีตข้าราชการครู ชาวชุมชนมุกดาอุทิศ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากมลพิษของโรงงาน มีอาการแสบจมูก ตากผ้าไม่ได้ ทดลองเอาถ้วยสีขาวมาวางก็มีเขม่าสีดำเต็มถ้วย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เช่นเดียวกับนายชาญชัย ชัยรัตนศักดิ์ดา อายุ 78 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนที่ระบุว่า ควันพิษทำให้หายใจลำบาก มีกลิ่นเหม็น มีอาการแสบคันเวลาโดนผิวหนัง โดยเฉพาะตัวเองที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว เมื่อสูดดมกลิ่นก็จะไอมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
นายสิทธิศักดิ์ ศรีสง่า นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพทะเล กล่าวว่า ทางเทศบาลได้เข้าไปตรวจสอบโรงงานหลายครั้ง พบว่าใบอนุญาตประกอบการยังไม่สมบูรณ์ ก็ได้ประสานให้อุตสาหกรรมจังหวัดตรวจสอบและแจ้งให้ทางโรงงานปรับปรุงแก้ไขหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ได้สั่งให้หยุดดำเนินการ เนื่องจากมีผลกระทบวงกว้างและมีการร้องเรียนจากชาวบ้านเป็นจำนวนมาก แต่ทางโรงงานก็ยังลักลอบดำเนินการอยู่ ทางเทศบาลจึงแจ้งหน่วยงานต่างๆ ให้เข้ามาช่วยกำกับดูแล เพราะเห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) นำโดย พ.ต.ท.หญิง ภิษัชกร เลิศวิลัย สารวัตรสอบสวน กก.4 บก.ปทส. พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิจิตร และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพทะเล ได้นำหมายศาลจังหวัดพิจิตรเข้าตรวจสอบโรงงาน
ผลปรากฏว่า โรงงานยังคงดำเนินการแปรรูปไม้อยู่ มีแรงงานไทยกว่า 10 คน และแรงงานต่างชาติกำลังทำงานแปรรูปไม้ไวเนียร์เพื่อส่งออกไปประเทศอินเดีย มีการนำเศษซากไม้มาเผาในเครื่องอบไม้ มีน้ำจากโรงงานไหลลงสู่แม่น้ำยม พร้อมกับเศษซากไม้อีกหลายตันทิ้งริมฝั่ง แต่ไม่พบเจ้าของโรงงานซึ่งเป็นชาวจังหวัดหนองคายที่เช่าโรงงานมาดำเนินการอยู่ในที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อเจ้าของโรงงานทั้งในฐานะนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ในความผิดฐานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ประกอบมาตรา 71 และฝ่าฝืนต่อเทศบัญญัติเทศบาลตำบลโพทะเล ข้อ 39 เรื่องเลื่อยไม้ และข้อ 49 เรื่องเลื่อย ขุด เจาะ ทำคิ้วไม้ด้วยเครื่องจักร รวมถึงมีการพักอาศัยแรงงานต่างด้าวเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตอีก 1 ราย
คดีนี้สะท้อนให้เห็นปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน และความพยายามของหน่วยงานต่างๆ ในการเข้าไปแก้ไข แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืนลักลอบดำเนินกิจการที่ผิดกฎหมายอยู่ จนต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวให้ได้ข้อยุติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
ข่าวแนะนำ