ทำไมชาวนายังคงเผาตอซังและฟางข้าว ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่แก้ไม่ตก

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำไมชาวนาต้องเผาตอซังและฟางข้าว

ในปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่การทำนาข้าวประมาณ 72.5 ล้านไร่ หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ โดยพื้นที่การปลูกข้าวส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ซึ่งสามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 22-24 ล้านตันต่อปี โดยมีฟางข้าวเหลือเฉลี่ยปีละ 25.45 ล้านตัน และมีปริมาณตอซังข้าวตกค้างในนาอีก 16.9 ล้านตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ชาวนาส่วนใหญ่ยังคงเผาตอซังและฟางข้าว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) แม้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีโครงการรณรงค์ให้ชาวนาใช้วิธีไถกลบตอซังฟางลงในดินเพื่อสร้างอินทรียวัตถุและธาตุอาหาร แต่การรณรงค์ดังกล่าวยังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างเพียงพอ

ทำไมชาวนายังคงเผาตอซังและฟางข้าว ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่แก้ไม่ตก

สรุปข่าว

“ดร.สนธิ” เผยสาเหตุทำไมชาวนาต้องเผาตอซังและฟางข้าว โดยระบุว่าการเผาตอซังและฟางข้าวเกิดจากต้นทุนที่ต่ำและข้อจำกัดด้านเวลาและแรงงานของชาวนา แม้รัฐจะรณรงค์ให้ไถกลบ แต่ยังขาดการสนับสนุนและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การจัดหารถไถราคาถูกหรือแรงจูงใจทางการเงิน

การเผาฟางข้าวมักเกิดขึ้นในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวข้าว โดยเริ่มตั้งแต่กลางถึงปลายเดือนมกราคม จากนั้นเกษตรกรจะเริ่มไถพรวนดินในเดือนเมษายน และหว่านข้าวก่อนช่วงสงกรานต์เพื่อให้ต้นข้าวงอกใหม่ในเดือนพฤษภาคม การเก็บเกี่ยวจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ชาวนายังคงเผาตอซังและฟางข้าว มีดังนี้

1.    ต้นทุนที่ต่ำกว่า ชาวนาเกือบร้อยละ 80 ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง และส่วนใหญ่เช่าที่ดินเพื่อการทำนา ด้วยความยากจนทำให้ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจ้างรถไถกลบตอซัง การเผาจึงเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด

2.    ความเห็นของชาวนาเกี่ยวกับการเผา

o    ในพื้นที่นาหว่านที่ต้นข้าวขึ้นหนาแน่นและมีวัชพืชจำนวนมาก การไถกลบตอซังและวัชพืชมักทำได้ช้าและไม่สามารถกำจัดวัชพืชได้หมด

o    ในพื้นที่ที่ทำการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง (นาปรัง) ซึ่งอาจปลูกถึงสามครั้งต่อปี ชาวนาไม่มีเวลามากพอให้ตอซังย่อยสลายเอง จึงจำเป็นต้องเผา

o    ในพื้นที่นาปีที่มีการปล่อยน้ำเข้านา การเผามักไม่เกิดขึ้นเนื่องจากวิธีการทำนาที่แตกต่างกัน

o    สำหรับนาหยอดที่มีหญ้าขึ้นหนาแน่น การเผาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การหยอดเมล็ดข้าวลงในดินมีประสิทธิภาพ

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา การเผาตอซังและฟางข้าวได้กลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้น โดยส่งผลให้เกิดหมอกควันปกคลุมในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ แม้ว่าภาครัฐจะมีโครงการรณรงค์เพื่อลดการเผา แต่ยังขาดการเข้าถึงต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง

แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

รัฐบาลควรดำเนินการด้วยการรับฟังเสียงและความต้องการของชาวนา รวมถึงให้คำแนะนำในการทำนาแบบไม่ต้องเผาในแต่ละรูปแบบ โดยลดค่าใช้จ่ายที่ชาวนาต้องแบกรับ หรือจัดหารถไถสำหรับไถกลบตอซังในราคาที่เหมาะสม หรือสนับสนุนให้ชาวนาสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลง นอกจากนี้ยังควรสร้างแรงจูงใจ เช่น การจ่ายเงินชดเชยหรือการให้ผลประโยชน์เพิ่มเติมหากชาวนาไม่เผาตอซัง

หากรัฐบาลยังคงแก้ปัญหาด้วยการรณรงค์หรือบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่ชาวนาเผชิญ อาจยิ่งทำให้เกิดการลักลอบเผาโดยไม่สามารถควบคุมได้ การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ของชาวนาและการสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐ

ที่มาข้อมูล : หาเอง/ตัดต่อเอง

ที่มารูปภาพ : Sonthi Kotchawat