ชาวพิจิตรยังอ่วม! ถูกน้ำท่วมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
ย่านเศรษฐกิจการค้า-เขตชุมชนในจังหวัดพิจิตรยังถูกน้ำท่วมขังต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 พื้นที่การเกษตรเสียหายเกือบ 3 หมื่นไร่
วันนี้( 3 ก.ย.62) สถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่ไหลหลากลงมาในลำคลองวังแดงและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ย่านเศรษฐกิจการค้าและเขตชุมชนทั้ง 9 แห่ง ในเขตเทศบาลตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ล่าสุดยังมีบ้านเรือนประชาชนในชุมชนต่างๆ เกือบ 1 พันหลัง ยังคงถูกน้ำท่วมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากการระบายน้ำเป็นไปด้วยความล่าช้า เพราะมีวัชพืชต่างๆ กีดขวางทางน้ำ ประกอบกับในพื้นที่ยังมีฝนตกหนัก ทำให้สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย สำหรับจังหวัดพิจิตร ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 ตำบล ใน 6 อำเภอ คือ อำเภอสากเหล็ก,วังทรายพูน,ทับคล้อ,ดงเจริญ และอำเภอตะพานหิน มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย จำนวนเกือบ 3 หมื่นไร่ มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุถูกกระแสน้ำพัด 2 ราย
ที่จังหวัดพิษณุโลก บริวณถนนภายในหมู่บ้านรอยต่อ อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และ อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร เช้านี้น้ำที่เคยท่วมผิวจราจรได้ลดลงเหลือเพียงเล็กน้อย ส่วนในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีมวลน้ำจากที่สูงยังไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่สวนและนาข้าว ส่วนบ้านเรือนที่ยังมีน้ำท่วมสูงก็เป็นบ้านที่ปลูกไว้ที่ลุ่มต่ำ ซึ่งได้เตรียมการรับมือไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นบางส่วนเท่านั้น
ด้านสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก รายงานว่า มีสถานศึกษาในจังหวัดพิษณุโลก ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และปิดทำการเรียนการสอน ในระหว่างวันที่ 2 – 3 ก.ย. จำนวนทั้งสิ้น 24 โรงเรียน สำหรับความเสียหายของอาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนอยู่ในระหว่างการสำรวจ
ทั้งนี้ จากอิทธิพลของพายุโพดุล ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้านี้ปริมาณน้ำที่ผ่านจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิระประวัติ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ซึ่งไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยาวัดได้ 1,051 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตร เขื่อนเจ้าพระยาจึงพิจารณาพร่องน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 397 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 480 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น 47 เซนติเมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ซึ่งจากอัตราการระบายน้ำปัจจุบันของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่อ.สรรพยา จ.ชัยนาทลงไป ถึง จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จะมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 20-30 เซนติเมตร ภายใน 24 ชั่วโมง ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก แต่ควรเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
