หมอยง ยัน โนโรไวรัส ไม่ใช่โรคใหม่ พบการระบาดทุกฤดูหนาว
หมอยง ภู่วรวรรณ เผยมีการศึกษาเกี่ยวกับ "โนโรไวรัส" มาเป็น 10 ปี จึงไม่ใช่โรคใหม่ พบการระบาดมากในช่วงฤดูหนาว
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ย้ำชัดเกี่ยวกับ โนโรไวรัส ระบาดวิทยาในประเทศไทยว่า ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาระบาดวิทยา ของโนโรไวรัสมาเป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีการจำแนกสายพันธุ์อย่างละเอียด พบว่า สายพันธุ์ที่ระบาดมีความหลากหลายมาก
โรคนี้จะพบมากในฤดูหนาวจะเห็นว่า ในช่วงโควิด 19 ที่มีการล็อกดาวน์ มีการปิดโรงเรียน เป็นช่วงที่ไม่พบการระบาดของโนโรไวรัส เรามีการเข้มงวดในการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เรามีการสอนการล้างมือ 5 ขั้นตอนแต่เมื่อหลังโควิด 19 จะเห็นได้ชัดว่า มีการระบาดของโนโรไวรัสเกิดขึ้นเหมือนก่อนยุคของโควิด 19 ระบาด
การระบาดใหญ่ของโนโรไวรัสในเด็กนักเรียนและผู้ใหญ่พบมากในปี 2017 ในปีนั้นมีการระบาดพร้อมกับไวรัสโรต้าแต่การระบาดในปีนี้พบโรตาไวรัสน้อยมากเพราะเรามีวัคซีนให้กับเด็กเล็ก จึงทำให้พบโรคลดน้อยลงอย่างมากแต่โนโรไวรัสไม่ได้ลดลง
สิ่งสำคัญขณะนี้ จะอยู่ที่เด็กหรือบุคคลที่อยู่รวมกันหมู่มาก เช่น ในโรงเรียน โรงงาน จะต้องมีมาตรการในการควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด เพราะจะทำให้เด็กเสียเวลาเรียน และโรงงานก็จะเสียผลผลิตได้
มีการเผยแพร่ในออนไลน์ ในสื่อสังคมกันมากว่า มีการระบาดหนักในโรงเรียน น่าจะเป็นข่าวเก่า ที่มีการระบาดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน การให้ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ น่าจะมีการลงวันที่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะมีการวนมาส่งใหม่ทำให้เข้าใจผิด คิดว่ากำลังระบาด โดยเฉพาะเอามาผสมกับการระบาดที่ประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตาม ในทุกฤดูหนาว โรคนี้จะพบได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโรต้าไวรัส เป็นการพบเพิ่มขึ้นในทุกปี ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป
ก่อนหน้านี้ หมอยง ออกมายืนยันว่า โรคนี้ ไม่ทำให้เสียชีวิต ยกเว้นผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอมากๆและขาดน้ำอย่างรุนแรง การรักษาส่วนใหญ่ที่ดูแลตามอาการ และให้สารน้ำละลายเกลือแร่ทดแทน ถ้ามากก็ให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาลสั้นๆ
ไวรัสนี้ไม่มีวัคซีน ไม่มียาต้านไวรัส จึงเป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น
เชื้อมีความคงทนต่อสิ่งแวดล้อมสูงมาก เพราะเป็นไวรัสที่ไม่มีเปลือกหุ้ม แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายไวรัสชนิดได้ สารเคมีที่ใช้ทำลายได้ดี จะต้องเป็นสารที่มีองค์ประกอบของคลอรีน เช่นโซเดียมไฮโปคลอไรด์ น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีส่วนประกอบของคลอรีน น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนประกอบของคลอรีน
การดูแลป้องกันและการระบายเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะในเรื่องสุขอนามัย ทานอาหารที่สุก ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ในสถานที่ที่ระบาด การทำความสะอาดสถานที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะในโรงเรียน โดยใช้น้ำชะล้าง
และตามลูกบิดต่างๆ จำเป็นที่จะต้องใช้ถุงมือแล้วเช็ดด้วยน้ำยาที่มีส่วนประกอบของคลอรีน ผ้าอ้อมของเด็กที่ป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วง ก่อนทิ้งควรใส่น้ำยาล้างห้องน้ำ 1-2 หยด หรือควรทิ้งในถุงแดงที่แยกขยะติดเชื้อ
ที่มา: ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
ภาพปก : Envato
ข่าวแนะนำ