“โรคไอกรนระบาด” พบผู้ป่วยเสียชีวิต 2 ราย เปิดอาการ และ วิธีป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
“โรคไอกรนระบาด” สถานการณ์ในไทยต้องจับตาใกล้ชิด พบผู้ป่วยเสียชีวิต 2 ราย เปิดอาการ และ วิธีป้องกันรักษาไม่ให้ติดเชื้อ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไอกรนที่เกิดขึ้นในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน โดยระบุว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เฝ้าระวังกลุ่มผู้ป่วยที่น่าเป็นห่วง อาทิ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งหากได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรง
สาเหตุและการแพร่กระจายของโรคไอกรน
โรคไอกรนเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจที่มีมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ และมีวัคซีนป้องกัน โดยโรคนี้สามารถติดต่อได้จากการไอ จาม หรือการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าไป มักพบการระบาดในสถานที่ที่มีการรวมตัวของเด็กจำนวนมาก เช่น โรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็ก
ข้อมูลผู้ป่วยและการแพร่ระบาดในไทย
จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 13 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยไอกรนจำนวน 1,290 คน อัตราป่วย 44.74 ต่อประชากรแสนคน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 คน อัตราการตาย 0.16% ภาคใต้มีอัตราผู้ป่วยสูงที่สุด โดยเฉพาะเขตสุขภาพที่ 12 ซึ่งมีผู้ป่วยมากถึง 1,066 คน โดยเฉพาะจังหวัดยะลาที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุดถึง 575 คน
อาการและการดูแลป้องกันโรคไอกรน
อาการของโรคไอกรนมักเริ่มต้นด้วยอาการไข้ต่ำ น้ำมูกไหล และไอเบา ๆ ซึ่งจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอาการไอที่มักจะเป็นชุดจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยหรือลมหายใจไม่สะดวก สำหรับเด็กที่ติดเชื้อในโรงเรียน มีความเสี่ยงสูงที่เชื้อจะถูกแพร่กระจายไปยังเด็กคนอื่น ๆ
การดูแลและป้องกันในโรงเรียน
ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานศึกษาให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไอกรน และกำชับให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลสุขภาพของนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง
โดยรัฐบาลได้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไอกรนในสังคม โดยเฉพาะในสถานศึกษา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากการติดเชื้อ.
ภาพจาก: AFP
ข่าวแนะนำ