TNN รู้ทัน "วัยทอง" รับมืออาการ ก่อนสายเกินแก้

TNN

Health

รู้ทัน "วัยทอง" รับมืออาการ ก่อนสายเกินแก้

รู้ทัน วัยทอง รับมืออาการ ก่อนสายเกินแก้

เข้าใจอาการวัยทอง พร้อมวิธีปรับสมดุลฮอร์โมน ด้วยคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลนวเวช


วัยทองเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผู้หญิง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนหลัก ได้แก่ เอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรอบเดือนและระบบสืบพันธุ์ ช่วงวัยทองมักเริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 45-55 ปี และอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจที่หลากหลาย การปรับสมดุลฮอร์โมนในหญิงวัยทอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นบทความให้ความรู้โดย พญ.จารุวรรณ สังข์มาลา แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม แผนกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ (Diabetes Thyroid & Endocrine Department) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการของหญิงวัยทอง และวิธีการปรับสมดุลฮอร์โมนได้อย่างไรบ้าง เพื่อนำไปสังเกตตนเองหรือคนรอบข้าง นำไปสู่การรักษาช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว

อาการของวัยทอง เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง หญิงวัยทองมักจะประสบกับอาการต่าง ๆ เช่น


    อาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งทำให้รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ และมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในตอนกลางคืน

    เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน: อาการนี้อาจทำให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่องและส่งผลต่อคุณภาพการนอน

    การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: อาจเกิดอาการหงุดหงิดง่าย วิตกกังวล หรือมีอารมณ์ซึมเศร้า

    ช่องคลอดแห้ง: เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดบางลงและแห้ง ทำให้รู้สึกไม่สบายเมื่อมีเพศสัมพันธ์

    กระดูกบางลง: ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทในการรักษาความแข็งแรงของกระดูก เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง กระดูกจึงอาจอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน


รู้ทัน วัยทอง รับมืออาการ ก่อนสายเกินแก้


การปรับสมดุลฮอร์โมน

การปรับสมดุลฮอร์โมนในหญิงวัยทองสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ซึ่งแต่ละวิธีจะช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นและส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น ดังนี้

 1. การใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy - HRT)

การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนเป็นวิธีที่แพทย์มักแนะนำเพื่อช่วยปรับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ยาเม็ด หรือเจลทาผิว การใช้ฮอร์โมนทดแทนสามารถช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน และอาการช่องคลอดแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การใช้ฮอร์โมนทดแทนควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือมะเร็งในผู้ที่มีความเสี่ยง การติดตามการใช้ยาจึงเป็นสิ่งสำคัญ


2. การปรับเปลี่ยนอาหารและการออกกำลังกาย

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

    อาหารที่เหมาะสม: การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียมจากนมและผลิตภัณฑ์นม เพื่อเสริมสร้างกระดูก และอาหารที่มีไขมันดี เช่น ถั่วและปลา จะช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้ อาหารบางชนิดเช่น ถั่วเหลือง ที่มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย การรับประทานถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ในปริมาณที่พอเหมาะอาจช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและบรรเทาอาการวัยทองได้

    การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่งเบา ๆ หรือการฝึกโยคะ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน และยังช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น


3. การจัดการความเครียด

ความเครียดมีผลกระทบโดยตรงต่อฮอร์โมนในร่างกาย การจัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ การฝึกหายใจลึก ๆ หรือการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำสวน จะช่วยลดความเครียดและส่งเสริมความสมดุลทางอารมณ์


การปรับสมดุลฮอร์โมนในหญิงวัยทองเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้ฮอร์โมนทดแทน การปรับอาหารและการออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การปรึกษาแพทย์และการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้หญิงวัยทองมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ แผนกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ(Diabetes Thyroid & Endocrine Department) โรงพยาบาลนวเวช โทร. 1507 Line: @navavej


ข่าวแนะนำ