TNN Hyperventilation Syndrome: ภาวะหายใจไม่ออก เมื่อใจสั่งร่างกายป่วน

TNN

Health

Hyperventilation Syndrome: ภาวะหายใจไม่ออก เมื่อใจสั่งร่างกายป่วน

Hyperventilation Syndrome: ภาวะหายใจไม่ออก เมื่อใจสั่งร่างกายป่วน

ทำความเข้าใจ Hyperventilation Syndrome หรือภาวะหายใจหอบจากความเครียด พร้อมเรียนรู้อาการ สาเหตุ วิธีรับมือ และการป้องกัน เพื่อดูแลสุขภาพใจและกายของคุณให้แข็งแรง



ในยุคที่ความเครียดและความกดดันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ภาวะที่เรียกว่า "Hyperventilation Syndrome" หรือ "ภาวะหายใจหอบเพราะอารมณ์" กำลังเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยเรียนและวัยทำงานตอนต้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ วิธีรับมือ และการป้องกันภาวะนี้ เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกต้อง


Hyperventilation Syndrome คืออะไร?


Hyperventilation Syndrome คือภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อความเครียด วิตกกังวล หรือความกลัว ด้วยการหายใจเร็วและลึกเกินความจำเป็น ส่งผลให้ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง และเกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่น หายใจลำบาก ใจสั่น มือเท้าชา และอาจมีอาการมือเท้าจีบเกร็งได้


อาการ Hyperventilation: สัญญาณเตือนจากร่างกาย


อาการของ Hyperventilation Syndrome สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:


อาการทางกายภาพ: หายใจเร็วและลึก, เจ็บหน้าอก, ใจสั่น, เวียนศีรษะ, หน้ามืด, มือเท้าชา หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ

อาการทางอารมณ์: วิตกกังวล, กลัว, สับสน, หรือรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย


สาเหตุ Hyperventilation: เมื่อใจไม่ไหว


สาเหตุหลักของ Hyperventilation Syndrome คือความเครียด วิตกกังวล และความกลัว ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปัญหาในชีวิตประจำวัน ความกดดันในการเรียนหรือการทำงาน หรือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง


ใครบ้างที่เสี่ยงต่อ Hyperventilation?


แม้ว่า Hyperventilation Syndrome สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเรียนและวัยทำงานตอนต้น นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป


Hyperventilation อันตรายไหม?


แม้ว่า Hyperventilation Syndrome จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่อาการที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดกลัว และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ภาวะนี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงาน


วิธีรับมือเมื่อเกิด Hyperventilation


หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการ Hyperventilation สิ่งที่ควรทำคือ:


ตั้งสติและพยายามควบคุมการหายใจ: หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ และลึกๆ แล้วหายใจออกทางปาก

หาที่สงบและผ่อนคลาย: หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เครียด

หากอาการไม่ดีขึ้น: ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา


การป้องกัน Hyperventilation: ดูแลใจให้แข็งแรง


การป้องกัน Hyperventilation Syndrome ทำได้โดย


จัดการความเครียด: หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ

ดูแลสุขภาพจิต: พูดคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว หากรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต


Hyperventilation: ไม่ใช่แค่เรียกร้องความสนใจ


สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ Hyperventilation Syndrome ไม่ใช่การแกล้งทำ หรือการเรียกร้องความสนใจ แต่มันคือสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกว่าจิตใจของคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือ


Hyperventilation Syndrome เป็นภาวะที่สามารถจัดการและป้องกันได้ หากคุณเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีรับมืออย่างถูกต้อง การดูแลสุขภาพจิตและร่างกายให้แข็งแรง การจัดการความเครียด และการขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข 
ภาพ : Getty IMages 

ข่าวแนะนำ