7 ข้อเสียของการ "กินเค็ม-โซเดียมสูง" นอกจากโรคไต มีอะไรอีกบ้าง ดูเลย!
เปิด 7 ข้อเสียของการ "กินเค็ม-โซเดียมสูง" นอกจากโรคไต มีอะไรอีกบ้าง ดูเลย!
เชื่อว่าหลายคนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าการกินโคม หรือการบริโภคเกลือและโซเดียมมากเกินไป สามารถทำให้เสี่ยงเป้นโรคไตได้ แต่นอกจากโรคไตแล้ว การบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นในแต่ละวัน ยังสามารถส่งผลเสียอื่นๆ ต่อร่างกายได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาเปิด 7 ข้อเสียของการ "กินเค็ม-โซเดียมสูง" ว่านอกจากโรคไตแล้ว จะมีอะไรอีกบ้าง เช็กเลย!
7 ข้อเสียของการกินเค็ม
การกินเค็ม หรือการบริโภคโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ ดังนี้
1. ความดันโลหิตสูง
โซเดียมส่วนเกินจะดึงน้ำเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ความดันในเลือดสูงขึ้น เมื่อสะสมไปนานๆ อาจเกิดเป็นภาววะความดันโลหิตสูงเรื้อรัง จนกลายเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อความดันโลหิตสูงจากการกินเค็ม สิ่งที่จะตามมาก็คือ การเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง
3. โรคไต
เมื่อบริโภคโซเดียมสูงเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง ไตต้องหน้าที่ในการกรองโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายมากกว่าปกกติ ส่งผลให้ไตทำงานหนัก เสื่อมเร็ว และเสี่ยงต่อโรคไตวายได้
4. กระดูก
โซเดียมส่วนเกินจะมีส่วนทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ส่งผลให้กระดูกเปราะบาง เสี่ยงต่อโรคกระดูกต่างๆ
5. มะเร็งกระเพาะอาหาร
ในทางการแพทย์และงานวิจัย มีข้อบ่งชี้ที่ว่า การกินเค็มเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารอย่างมีนัยสำคัญ
6. อ้วนลงพุง
หลายคนอาจไม่รู้ ว่าการกินเค็มหรือกินอาหารที่มีโซเดียมสูง สามารถกระตุ้นให้อยากอาหารมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้อ้วนลงพุงได้
7. บวมน้ำ
โซเดียมส่วนเกินจะดึงน้ำเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้ผู้ที่กินเค็มเกิดอาการบวมน้ำได้
ปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
อ้างอิงจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มีการประกาศว่าแนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ช้อนชา ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไม่ควรเกินจากนี้ อาจทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ได้
ที่มาข้อมูล : สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาลศิครินทร์
ที่มาภาพปก : freepik/azerbaijan_stockers
ข่าวแนะนำ