6 แนวทางดูแลจิตใจ “แรงงานไทยที่ยังอยู่ในพื้นที่สู้รบ” ทำอย่างไรไม่เกิดภาวะดำดิ่ง
กรมสุขภาพจิตเปิด 6 แนวทางดูแลจิตใจ “แรงงานไทยในอิสราเอลที่ยังอยู่ในพื้นที่สู้รบ” ต้องทำอย่างไรไม่ให้เกิดภาวะเครียดดำดิ่ง
จากสถานการณ์ สงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานไทยในอิสราเอล กรมสุขภาพจิต นอกจากจะติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลอย่างใกล้ชิด กรมสุขภาพจิตยังออกข้อแนะนำเกี่ยวกับแนวทางดูแลสภาพจิตใจ 5 สัญญาณปฏิกิริยาทางใจที่เกิดขึ้นได้ เมื่อต้องรับมือกับความกลัวและความสูญเสีย
การสู้รบในครั้งนี้ ยังมีผู้ที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่และเฝ้ารอการเดินทางกลับมายังประเทศไทย และยังมีผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมงานอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางใจและความรู้สึกต่าง ๆ มากมายในช่วงนี้ ซึ่งปฏิกิริยาทางใจนี้ เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แบ่งออกได้เป็น 5 ระยะ ได้แก่
1. การไม่สามารถยอมรับความจริงหรือปฏิเสธที่จะรับรู้ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะมีการแสดงออกด้วยการไม่ยอมรับสถานการณ์ว่าคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานได้จากไปแล้วหรือถูกจับกุมตัวไว้ เพราะเป็นการเกิดเหตุการณ์แบบกระทันหัน
2. รู้สึกหงุดหงิด โกรธ อาจระบายใส่กับคนหรือสิ่งของรอบข้างแม้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น
3. พยายามต่อรองและหลีกเลี่ยงความจริง ต้องการย้อนเวลากลับไปเพื่อให้เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นั้นไม่เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
4. เริ่มมีความรู้สึกสิ้นหวัง ว่างเปล่า ท้อแท้ รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีความหมาย บางคนอาจเก็บตัว และไม่อยากพบใคร
5. การยอมรับความเป็นจริงว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้วกับชีวิต และสามารถเกิดได้กับทุกคน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะกลับไปมีความหวัง ซึ่งในบางรายการยอมรับความเป็นจริงก็สามารถทำให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ของการสูญเสียและกลับไปใช้ชีวิตได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเจ็บป่วย การช่วยเหลือกันของเพื่อนและครอบครัวจะช่วยให้พ้นผ่านระยะนี้ไปได้
ทั้งนี้ แนวทางการดูแลจิตใจผู้ที่สูญเสียของกรมสุขภาพจิต ได้จัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) หรือ ทีม MCATT ที่มีความเชี่ยวชาญในการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจให้การช่วยเหลือตามระดับอาการ พร้อมกับจัดทำแนวทางการดูแลใจเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ยังพำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบซึ่งประกอบด้วย
1. ติดตามข่าวสารหรือเช็คข่าวที่ได้ยินจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ ใช้เวลาเสพข่าวอย่างพอเหมาะแต่พอดีหรือมีความเพียงพอต่อความจำเป็นและใช้เวลามีการจับเวลาในการติดตามอย่างเหมาะสม พักการดูข่าวต่อเนื่องยาวนานเป็นระยะ
2. พยายามใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันที่ทำได้เท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เพื่อลดความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
3. มีแผนสำรองสำหรับความปลอดภัยเพื่อจัดการสถานการณ์ วางแผนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย จะช่วยความรู้สึกว่าเราพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้บางส่วน
4.ติดต่อกับคนที่เรารักพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นสั้นแต่กำลังใจจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
5.หากิจกรรมเพื่อลดความเครียด เช่น กิจกรรมที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกกำลังกายบ้างเท่าที่จะทำได้ สามารถใช้การฝึกสมาธิและการฝึกหายใจร่วมด้วย
6. ติดต่อขอความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตหากรู้ว่าตนเองไม่สามารถจัดการอารมณ์ความคิดและพฤติกรรมได้ หรือความเครียดทำให้รบกวนชีวิตประจำวัน
สามารถติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญหรือช่องทางที่หน่วยงานราชการจัดหาไว้ให้
ซึ่งประชาชนที่ยังรอการเดินทางกลับ หรือยังพำนักในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบ สามารถใช้บริการ “ไลน์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพิ่มเติม สำหรับคนไทยในอิสราเอล” เพื่อรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงร่วมด้วย
ข้อมูลจาก : กรมสุขภาพจิต
ภาพจาก : TNN ONLINE