อัปเดตโรคฝีดาษลิง! เสียชีวิต 1 ราย ยอดติดเชื้อสะสมในไทยพุ่ง 385 ราย
สธ.เฝ้าระวังสถานการณ์ "โรคฝีดาษลิง" พบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยกว่า 40 คน เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ถึงขณะนีัมีผู้ป่วยสะสม 385 คนแล้ว
สธ.เฝ้าระวังสถานการณ์ "โรคฝีดาษลิง" พบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยกว่า 40 คน เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ถึงขณะนีัมีผู้ป่วยสะสม 385 คนแล้ว
นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2566 โดยมีวาระการประชุมในหลายเรื่อง เช่น การติดตามสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญในประเทศไทย อำนาจหน้าที่และความสำคัญของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ 2558 แผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด19 ในปี 2567 และแผนเรื่องรัฐการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ในกลุ่มเป้าหมาย นักเรียนหญิงชั้นป 5 ถึงชั้นอุดมศึกษาปีที่ 2 หรืออายุ 11-20 ปี
โดยโรคติดต่อสำคัญที่ต้องหารือ เช่น โรคฝีดาษลิง หรือ MPOX ซึ่งสถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษลิงล่าสุด ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 18 กันยายน มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษลิงสะสม รวม 385 คน เสียชีวิต 1 คน เป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และ ในสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 42 คน เพศชาย 41 คน เพศหญิง 1 คน โดย ผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ร่วมด้วย 29 คน คิดเป็น ร้อยละ 69 ของผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด
แนะนำสำหรับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัยฝีดาษลิง ได้แก่ มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย ทำความสะอาดห้องหรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยขณะผู้ป่วยมีอาการ , เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษลิงขณะป่วย , พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และ นั่งชิดติดกับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษลิง โดนไอจามรดโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หากมีประวัติดังกล่าว ให้สังเกตอาการตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน
หากมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ หรือมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก ไอ มีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองตามร่างกายให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา พร้อมกับแยกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว ที่พัก หรือ สถานที่ทำงาน
ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนว่า โรคฝีดาษลิง สามารถป้องกันได้ โดยงดเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และขอให้หน่วยงานสาธารณสุขทุกจังหวัดร่วมกันเฝ้าระวังติดตามกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งสื่อสารวิธีการป้องกันการแพร่เชื้อ
ภาพจาก AFP