รู้จัก “ไข้เลือดออกอีโบลา” เปิด 4 อาการเสี่ยง ติดแล้วเป็นตายเท่ากัน
รู้จัก “ไข้เลือดออกอีโบลา” พร้อมเปิด 4 อาการเสี่ยง ติดเชื้อแล้วโอกาสเป็นตายเท่ากัน
วันนี้ ( 12 ก.ย. 66 )โรคไข้เลือดออกอีโบลา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา อยู่ในตระกูล Filoviridaeซึ่งในปัจจุบันไวรัสในกลุ่มอีโบลา แบ่งออกได้เป็น 6 species ได้แก่Bombaliebolavirus, Bundibugyoebolavirus, Reston ebolavirus, Sudan ebolavirus, Tai Forest ebolavirusและ Zaire ebolavirus ซึ่งพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง ร้อยละ 50-90 โดยสายพันธุ์ Reston ebolavirus มีรายงานพบในประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดโรครุนแรงในลิง พบการติดต่อสู่คนโดยการสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือเครื่องในของลิงที่ติดเชื้อ
อีโบลาจัดเป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา มักพบการระบาดในประเทศคองโก ยูกันดา และกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยเชื้ออีโบลา จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของเชื้อกลุ่มที่ 4 ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงต่อบุคคลและชุมชน ก่อโรคร้ายแรงในคนและสัตว์ที่สามารถแพร่ไปยังบุคคลอื่นหรือสัตว์อื่นโดยทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีการป้องกันหรือรักษาแบบได้ผล
การติดต่อของโรคนี้ สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง และเนื้อเยื่อจากอวัยวะของผู้ป่วยที่แสดงอาการหรือผู้เสียชีวิต หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่มีการปนเปื้อนสารคัดหลั่ง โดยเชื้อจะเข้าสู้ร่างกายผ่านเยื่อบุ เช่น ตา จมูก ปาก และผิวหนัง โดยผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ระยะเริ่มมีไข้ และตลอดระยะที่มีอาการ
อาการเสี่ยงของโรคไข้เลือดออกอีโบลา
การติดเชื้อมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-21 วัน พบได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยอาการเบื้องต้น ได้แก่
1.มีไข้สูง
2.รู้สึกอ่อนเพลีย
3.ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ
4.ไอ เจ็บคอ
รายที่มีอาการรุนแรงจะมีผื่นนูนแดงตามตัว และมีอาการเลือดออกทั้งภายในและภายนอกร่างกาย มักพบภายใน 7 วันหลังจากเริ่มแสดงอาการ จะพบอาการที่ระบบประสาทส่วนกลาง และภาวะอวัยวะภายในล้มเหลว ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงประมาณ 50 - 80%
ข้อมูลจาก : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ภาพจาก : AFP