5 พฤติกรรมเสี่ยง "โรคเก๊าต์" มีอะไรบ้าง รู้ไว้ ป้องกันได้ก่อนสาย!

5 พฤติกรรมเสี่ยง “โรคเก๊าต์” มีอะไรบ้าง รู้ไว้ ป้องกันได้ก่อนสาย!

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จำนวนของผู้ป่วย “โรคเก๊าต์” มีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรคนี้เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมกรดยูริกในรูปผลึกตามบริเวณข้อต่อ สาเหตุมาจากการที่ร่างกายได้รับกรดยูริกมากเกินไปจนไม่สามารถขับออกได้หมด ทำให้เป็นของเสียสะสม และส่งผลทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวดตามมา

กรดยูริก ถือเป็นสารเคมีที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองอยู่แล้ว และอีกทางหนึ่งที่ร่างกายจะได้รับ นั่นก็คือจากการกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีพิวรีนเข้าไป โดยเมื่อพิวรีนเข้าสู่ร่างกาย จะถูกสลายกลายเป็นกรดยูริก เมื่อเราทานอาหารที่มีพิวรีนมาก ก็จะทำให้กรดยูริกมาก จนร่างกายขับออกไม่หมด และเกิดการตกผลึกและส่งผลให้เกิดโรคเก๊าต์ในที่สุด 

ผลที่ตามมาก็คือผู้ป่วยโรคเก๊าต์มักมีอาการเจ็บปวดตามข้อที่ ซึ่งถือเป็นความทรมานอย่างมาก และนอกจากพฤติกรรมการกินแล้ว ก็มีอีกหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเก๊าต์ได้เช่นกัน

5 พฤติกรรมเสี่ยง “โรคเก๊าต์” มีอะไรบ้าง

นอกจากการเจ็บปวดตามข้อแล้ว โรคเก๊าต์ยังส่งผลเสียตามมาอีกหลายอย่าง เมื่ออาการกำเริบครั้งถัดๆไปความรุนแรงมักเพิ่มขึ้น และสามารถรักษาให้หายขาดได้ยาก อาจต้องกินยาตลอดชีวิต ดังนั้นหากคุณไม่อยากเสี่ยงเป็นโรคเก๊าต์ควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้

1. บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำ 

2. บริโภคเครื่องดื่มน้ำหวานที่ผสมฟรักโทส แทนการรับประทานน้ำเปล่า

3. รับประทานเนื้อสัตว์ และเครื่องในที่มีสารพิวรีนสูงอยู่เป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่น ตับ เนื้อวัว อาหารทะเลบางชนิด ซึ่งจริงๆแล้ว อาหารเหล่านี้สามารถทานได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

4. อ้วน หรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและโรคไต ซึ่งโรคเหล่านี้มีโอกาสและแนวโน้มที่จะเป็นโรคเก๊าต์ร่วมด้วยสูง

5. มีความเครียดสะสม โดยมีงานวิจัยพบว่าความเครียดมีความเกี่ยวข้องกับโรคเก๊าต์อย่างมีนัยสำคัญ

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลวิภาวดี, โรงพยาบาลเมดพาร์ค, Wikipedia

ที่มาภาพ : freepik