TNN "โรคหัวใจ" เปิด "อาหาร" ที่ควรรับประทาน อะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง?

TNN

Health

"โรคหัวใจ" เปิด "อาหาร" ที่ควรรับประทาน อะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง?

โรคหัวใจ เปิด อาหาร ที่ควรรับประทาน อะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง?

ป่วย "โรคหัวใจ" ต้องรู้! เปิด "อาหาร" ที่ควรรับประทาน และ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ดูแลตัวเองง่ายๆให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ

ป่วย "โรคหัวใจ" ต้องรู้! เปิด "อาหาร" ที่ควรรับประทาน และ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ดูแลตัวเองง่ายๆให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ


โรคหัวใจ ผู้ป่วยต้องให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองในทุกด้านรวมไปถึงด้านอาหารการกินที่ต้องเน้นประโยชน์เพิ่มไขมันดี HDL และหลีกเลี่ยงไขมันไม่ดี LDL หมั่นทานผักผลไม้ที่รสไม่หวานมาก พยายามควบคุมระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดมากขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ป่วยโรคหัวใจ


อาหารที่รับประทานได้


-เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันและหนัง


-ปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซา์ดีน แนะนำให้รับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 คร้ัง เพราะน้ำมันจากปลาทะเลช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ในเลือดและช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้
    

-น้ำมันจากพืช ควรใช้ปริมาณที่น้อยๆ เช่่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วลิสง เป็นต้น


อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง


-อาหารที่มีคอลเรสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง มันหมู มันไก่ อาหารทะเล ยกเว้นเนื้อปลา น้ำมันจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ บรรดาของทอด หรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย มาการีน ชีส


-อาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัว (รับประทานได้ไม่เกิน 10% หรือน้อยกว่าจากพลังงานที่ควรได้รับตลอดวัน) เช่น ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันสัตว์ (เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ)
    

-อาหารที่มีไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน ทำให้คุณสมบัติของไขมันเปลี่ยนแปลงไป มักพบในครีมเทียม เนยเทียม เนยขาว ขนมกรุบกรอบ คุกกี้ เค้ก และอาหารทอดที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ


ทั้งนี้ จำกัดปริมาณโซเดียมด้วยการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะอาหารที่มีปริมาณโซเดียมมากจะทำให้ความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคหัวใจ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจควรจำกัดการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมวันละ 3,000 มิลลิกรัมหรือน้อยกว่า (เกลือ 1 ช้อนชา=โซเดียม 2,000 มิลลิกรัม) และไม่ควรเติมหรือปรุงรสอาหารขณะรับประทาน หากต้องการเพิ่มรสชาติอาจใช้เครื่องเทศ เช่น ตะไคร้ พริกไทย ใบมะกรูด หรือเพิ่มรสเปรี้ยวจากมะนาว


เพิ่มปริมาณใยอาหาร ด้วยการรับประทานผัก ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าว ขนมปังที่ไม่ผ่านการขัดสี และธัญพืชต่างๆ โดยในแต่ละวันร่างกายต้องการใยอาหารอย่างน้อย 25 กรัม ทั้งนี้ใยอาหารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่


-ใยอาหารชนิดละลายน้ำ พบในธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว ถั่วเมล็ดแห้ง ผัก ผลไม้ ใยอาหารชนิดนี้จะช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดลดลง


-ใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ พบในธัญพืชและขนมปังที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ถั่วเปลือกแข็ง ผักและผลไม้บางชนิด ใยอาหารชนิดนี้จะดูดซึมน้ำไว้ช่วยให้การทำงานของระบบลำไส้และการย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ

ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารทั้ง 2 ชนิด ด้วยการรับประทานอาหารให้หลากหลายประเภทในปริมาณที่เหมาะสม


  • หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือน้ำตาลฟรุกโตส เพราะจะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มขึ้นและได้รับพลังงานเกิน ถ้าต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรเกินวันละ 2 แก้วมาตรฐาน (1 แก้วมาตรฐาน=เบียร์ 285 มล., ไวน์ 120 มล.)  และ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม เช่น ชา กาแฟ ไม่เกินวันละ 2 - 3 แก้ว

  • รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) อาจสามารถป้องกันและต่อต้านการเกิดโรคหัวใจได้ ซึ่งแหล่งสำคัญของอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่


- วิตามินเอ (แคโรทีน) แครอท แอพริคอท ฟักทอง มะม่วง ผักโขม แคนตาลูป ปวยเล้ง ลูกพีช บรอกโคลี ผักบุ้ง


- วิตามินอี น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอก คำฝอย น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน อัลมอนด์ จมูกข้าวสาลี


- วิตามินซี ส้มเขียวหวาน มะเขือเทศ ส้มเช้ง ฝรั่ง กีวี่ ส้มโอ ถั่วงอก กะหล่ำปลี บรอกโคลี พริก มะนาว



กินกระเทียมช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้

เนื่องจากในกระเทียมมีสารชื่อ “อัลลิซิน (Allicin)” ที่สามารถช่วยลดการสะสมคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจรวมไปถึงช่วยลดภาวะการแข็งตัวของผู้ป่วยโรคเส้นเลือดอุดตัน โดยการทานกระเทียมต้องทานแบบสด ๆ บดให้ละเอียดประมาณ 5 กรัมหรือ 1 ช้อนชา พร้อมกับตอนทานอาหารวันละ 3 เวลา กระเทียมไม่ควรถูกผัดหรือทอดและไม่ควรทานตอนท้องว่าง




ขอบคุณที่มา ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / โรงพยาบาลเพชรเวช 

ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ