ป่วยเบาหวานต้องรู้! เปิดวิธีดูแลแผลที่เท้า ป้องกันการถูก "ตัดขา"
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องรู้! เปิดวิธีดูแลแผลที่เท้า ป้องกันการถูก "ตัดขา" สิ่งที่ควรทำ และ ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้างเช็กเลย
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องรู้! เปิดวิธีดูแลแผลที่เท้า ป้องกันการถูก "ตัดขา" สิ่งที่ควรทำ และ ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้างเช็กเลย
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติในการผลิตหรือตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้อวัยวะเสื่อมสมรรถภาพ และทำงานล้มเหลว เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ตาสูญเสียการมองเห็น ไตวายเรื้อรัง หัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ชาปลายมือปลายเท้า รวมถึงเป็นแผลหายยาก บางรายอาจจำเป็นต้องตัดขา
การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ป้องกันการถูกตัดเท้า
-มีผู้ป่วยเบาหวานถึงร้อยละ 20 ที่ต้องรับไว้ในโรงพยาบาลเนื่องจากมีแผลที่เท้า
-โรคเบาหวานเป็นสาเหตุของการถูกตัดเท้าหรือขา ร้อยละ 40-70
-ผู้ป่วยเบาหวานที่ถูกตัดเท้าร้อยละ 85 เริ่มจากการมีแผลที่เท้ามาก่อน
-ทุกๆ 30 วินาที มีผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียเท้าจากการถูกตัด
-ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงในการถูกตัดเท้าสูงกว่าผู้ไม่เป็นถึง 40 เท่า
เบาหวานและเท้า
ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นประสาทเสื่อม (ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท) และมีภาวะเลือดไปเลี้ยงที่เท้าไม่เพียงพอ (ภาวะขาดเลือด) ซึ่งทั้งสองภาวะนี้เป็นเหตุทำให้เกิดแผลที่เท้าและหายยาก ซึ่งเมื่อมีการติดเชื้อก็อาจต้องลงเอยด้วยการตัดเท้า
การถูกตัดเท้ามักเริ่มจากการมีแผลที่เท้า
ผู้ป่วยเบาหวานเกิดแผลที่เท้าได้บ่อย ในประเทศพัฒนาแล้วพบว่าผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 5 จะมีแผลที่เท้า และมีผู้ป่วยเบาหวาน 1 รายในทุกๆ 6 รายที่เคยเกิดแผลอย่างน้อย 1 ครั้ง ปัญหาที่เกี่ยวกับเท้าของผู้ป่วยเบาหวานเป็นสาเหตุสำคัญของการรับผู้ป่วยให้นอนในโรงพยาบาล สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาแบบบ้านเรา ปัญหาเกี่ยวกับเท้าในผู้ป่วยเบาหวานดูจะยิ่งพบบ่อย และรุนแรงยิ่งขึ้น
มีผู้ป่วยที่ถูกตัดเท้าถึงครึ่งหนึ่งที่เป็นเบาหวาน ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆเกี่ยวข้องอีก เช่น เชื้อชาติ ภูมิอากาศ และสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกตัดเท้า ก็ยังพบว่าการถูกตัดเท้าในผู้ป่วยเบาหวานจะสูงกว่ากรณีอื่นๆ จึงถือว่าการเกิดแผลที่เท้าในเบาหวาน ส่งผลบั่นทอนคุณภาพชีวิตอย่างมาก
สำหรับผู้ที่สูญเสียขานั้น พบว่าชีวิตจะเปลี่ยนแปลงตลอดไป เพราะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น อาจต้องสูญเสียงาน และอยู่ในสภาพน่าสังเวช
การดูแลรักษาเท้า
การดูแลรักษาเท้าอย่างดี สามารถป้องกันการถูกตัดเท้า ในผู้ป่วยเบาหวานได้เป็นส่วนใหญ่ โดยที่ถึงแม้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกตัดเท้าได้ แต่ก็สามารถที่จะดูแลรักษาเท้าข้างที่ยังเหลือและดำรงชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปได้ โดยการดูแลติดตามที่ดีจากทีมดูแลสุขภาพเท้า
การป้องกันการถูกตัดเท้า
-การให้ความรู้เพื่อให้สามารถ ตรวจพบปัญหาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
-การให้การบริการฉุกเฉิน
-การตรวจหาภาวะติดเชื้อ และให้การรักษาแต่ต้น
-การควบคุมเบาหวานอย่างดีที่สุด
-การดูแลรักษาแผลโดยผู้เชี่ยวชาญ
สาเหตุของการเกิดแผลที่เท้าในเบาหวานคืออะไร
เส้นประสาทเสื่อม / ถูกทำลาย (ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทส่วนปลายจากเบาหวาน)
ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทส่วนปลาย ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดเท้าชาและเมื่อมีการบาดเจ็บก็อาจไม่ได้สังเกต เพราะไม่รู้สึกเจ็บปวดผิวหนังที่เท้ามักจะแห้งมาก และเกิดรอยแตกได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การเกิดแผลและการติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีเส้นประสาทเสื่อมแล้วไม่ได้สวมรองเท้าที่เหมาะสมก็จะยังเกิดแผลง่ายขึ้น
เท้าและนิ้วเท้าผิดรูป
คนเรามีรูปร่างเท้าที่แตกต่างกัน รูปเท้าอาจเปลี่ยนได้ตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดจากการสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากการผ่าตัด ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทก็อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปเท้าได้ และยังทำให้มีการเดินแบบผิดปกติที่เพิ่มแรงกระแทกต่อส่วนส้นเท้า ถ้าแรงกระแทกเกิดซ้ำๆ ก็จะทำให้ ผิวหนังบริเวณนั้นหนาแข็งขึ้น (ตาปลา) ซึ่งตาปลานั้นจะทำให้แรงกดเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดแผลภายใต้ตาปลานั้นได้
ภาวะขาดเลือดหล่อเลี้ยง (ภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดส่วนปลายจากเบาหวาน)
ถ้าเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนเท้าได้น้อย หรือไม่เพียงพอ จะทำให้แผลหายยาก เพราะเท้าต้องการออกซิเจนและสารอาหารที่ลำเลียงมาทางเส้นเลือด ภาวะขาดเลือดจะเพิ่มความเสี่ยงให้เนื้อเยื่อถูกทำลายและตายได้ ซึ่งจะทำให้เท้าส่วนนั้นกลายเป็นสีดำได้
ภาวะบาดเจ็บ (อาจเริ่มจากเล็กน้อย)
ผู้ป่วยที่มีเส้นประสาทเสื่อมจะเกิดบาดเจ็บได้ง่าย เพราะจะไม่รู้สึกเจ็บปวดซึ่งเป็นสัญญาณเตือนอันตราย แผลมักเกิดจากมีเศษกรวดทรายหรือชิ้นส่วนแปลกปลอมภายในรองเท้า ตะเข็บด้านในรองเท้า วัตถุมีคมที่แทงทะลุพื้นรองเท้าขึ้นมา ตุ่มพองจากการเสียดสีของรองเท้าหรือไฟลวก น้ำร้อนลวก การเดินเท้าเปล่าก็จะยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บให้รุนแรงขึ้น เนื่องจากโดนวัตถุแหลมคมทิ่มตำ หรือสะดุดนิ้วเท้าของตนเองได้ง่าย
ภาวะติดเชื้อ
เมื่อผิวหนังมีรอยปริแยก ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปก่อภาวะติดเชื้อได้ ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการชาที่เท้าหรือขาดเลือดไปเลี้ยง จะยิ่งทำให้แผลหายยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีกลไกคต่อต้านภาวะติดเชื้อเสื่อมด้วย บางครั้งกว่าจะพบว่าภาวะติดเชื้อเกิดขึ้นก็เป็นค่อนข้างรุนแรงแล้ว
เราสามารถป้องกันการเกิดแผลได้อย่างไร
การดูแลเท้าที่ดีสามารถป้องกันการแผลและถูกตัดเท้าได้ร้อยละ 45-85 ผู้ป่วยที่มีเส้นประสาทเสื่อม หรือขาดเลือดไปเลี้ยงเกิด ควรใช้คำแนะนำต่อไปนี้
พึงกระทำ
-ตรวจเท้าทุกวัน สำรวจรอยขีดข่วน รอยบาด ตุ่มน้ำพอง รอยฟกช้ำ หรือมีสีผิวเปลี่ยนแปลงไป อาการบวมและแผลเปิด ถ้ามีควรแจ้งให้แพทย์ผู้ดูแลรับทราบทันที อาจใช้กระจกเงาหงายดูฝ่าเท้า หรือถ้าไม่สะดวกควรขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
-ล้างทำความสะอาดเท้าด้วยสบู่กับน้ำเปล่าทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า จากนั้นเช็คหรือเป่าให้แห้งอย่างระมัดระวัง ใช้น้ำมันหรือโลชั่นทาผิวหนังบริเวณเท้า เพื่อให้ผิวอ่อนนุ่ม หลีกเลี่ยงบริเวณซอกนิ้วเท้า
-ตรวจสอบภายในรองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง เพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเศษก้อนหิน วัตถุแหลมคม หรือสังเกตว่ามีส่วนที่ขรุขระมาขูดข่วนเท้าหรือไม่
-ควรสวมถุงเท้าเพื่อป้องกันการเสียดสี บาดเจ็บ โดยถุงเท้า ไม่ควรจะรัดแน่นเกินไปและไม่มีรูโหว่
-เลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ในช่วงบ่าย เพื่อให้เท้าขยายตัวเต็มที่และเลือกรองเท้าได้ขนาดที่เหมาะสมพอดีกับเท้า
-ตรวจสอบเท้าโดยทีมดูแลสุขภาพเป็นระยะ
-ตัดเล็บเท้าตรงในแนวขวาง แล้วใช้ตะไบลมคมที่ปลายเล็บ
-ถ้ามีแผล ควรทำความสะอาดและปิดแผลด้วยวัสดุที่ฆ่าเชื้อแล้ว
-ระมัดระวังโดยสวมรองเท้าทุกขณะ ไม่ว่าจะอยู่ภายในบ้าน หรือนอกสถานที่ เพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายต่อเท้า
พึงหลีกเลี่ยง
-ควรเลี่ยงรองเท้าปลายแหลม ส้นสูง มีรูเปิด ไร้สายรัด หรือไม่หุ้มส้นด้านหลัง
-ไม่สวมถุงเท้าที่รัดแน่นเกินไป
-ห้ามใช้กระเป๋าน้ำร้อน หรือเครื่องทำความร้อนประคบหรือเป่าที่เท้า
-หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเดินอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเหยียบย่ำบนผิวทางเดินที่ร้อนจัด
หลีกเลี่ยงการใช้ยาทาตาปลา ยาจี้หูด หรือมีดโกนกับเท้าด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
--ลดหรือควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไป
-งดสูบบุหรี่ เนื่องจากทำให้หลอดเลือดตีบ เลือดไปเลี้ยงเท้าน้อยลง
-ไม่สวมเครื่องประดับที่เท้า
การรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า
-ลดการลงน้ำหนักที่เท้า
-แก้ไขภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงที่เท้า
รักษาภาวะติดเชื้อ
-ควบคุมระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด และระดับความดันให้ดี
-ทำความสะอาดแผล และทำแผล รวมถึงการตัดเอาเนื้อเยื่อชิ้นส่วนที่บาดเจ็บ และตายแล้วออก
-อบรมความรู้ให้ผู้ป่วยเบาหวานและญาติ
-หาสาเหตุการเกิดแผล และช่วยหาวิธีป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
การป้องกันภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี พบแพทย์สม่ำเสมอ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง หากมีอาการผิดปกติให้แจ้งแพทย์ที่รักษา ห้ามปรับยาเอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หมั่นตรวจเท้าด้วยตัวเอง หากเป็นแผลควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่
การป้องกันโรคเบาหวานควรปฏิบัติ ดังนี้
1.เลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ ลดอาหารประเภทหวาน มัน เค็ม
2.ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
3.ทำจิตใจให้แจ่มใส นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
4.ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
5.ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
ควรตรวจสุขภาพทุกปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพญาไท / กรมควบคุมโรค
ภาพจาก รอยเตอร์/TNN Online