เปิดราคาต้นทุนและส่วนแบ่งการตลาด เสื้อทีมพรีเมียร์ลีก 2023-24
Daily Mail สื่อประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเสื้อแข่งเกรดแฟนบอล (Replica) ของทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ว่าแต่ละตัวนั้นมีมูลค่าต่าง ๆ เท่าไหร่ ต้นทุนเท่าไร และส่วนแบ่งการตลาดต้องแบ่งเท่าไรบ้าง
ฤดูกาลหน้า 10 สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก ต่างพากันออกมา อัพราคาเสื้อแข่งเกรดแฟนบอลเพิ่มขึ้น ประมาณ 9-14% โดยที่ อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสองทีมที่ขึ้นราคามากสุด 14 เปอร์เซ็นต์จากราคา 70 ปอนด์ หรือประมาณ 3,137 บาทเป็น 80 ปอนด์ หรือประมาณ 3,585 บาท
อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อต้องการอัปเกรดเสื้อให้เป็นแบบฟูลออปชั่น โดยมีอาร์ม และเบอร์พร้อมชื่อผู้เล่น ราคาจะเพิ่มขึ้นไปถึง 100 ปอนด์ หรือประมาณ 4,500 บาทเลยทีเดียว
จากข้อมูลของ ดร.ปีเตอร์ โรห์ลมันน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติ้งชาวเยอรมัน เผยว่าต้นทุนพื้นฐานของเสื้อราคา 80 ปอนด์ นั้นอยู่ที่เพียง 8 ปอนด์ หรือประมาณ 358 บาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 10% ของราคาเสื้อแข่ง โดย 8 ปอนด์ที่ว่านั้นรวมค่าวัสดุ, ค่าแรง (ในเอเชีย) บวกกับค่าขนส่ง
ส่วนที่เหลือแบ่งเป็นรายอื่น ๆ ที่ได้รับ แจกแจงออกมาได้ดังนี้
- ผู้ค้าปลีก ซึ่งปกติแล้วมักเป็นสโมสรนั้น ๆ ที่จะได้รับ 26.40 ปอนด์ หรือประมาณ 1,180 บาท
- แบรนด์ที่ผลิตเสื้อจะรับ 23.47 ปอนด์ หรือประมาณ 1,050 บาท
- ภาษี 13.33 ปอนด์ หรือประมาณ 600 บาท
- ค่าลิขสิทธ์ที่สโมสรได้รับ 4.8 ปอนด์ หรือประมาณ 215 บาท
- ค่าการตลาดอยู่ที่ 2.4 ปอนด์ 108 บาท
- ค่าจำหน่ายในท้องถิ่น 1.6 ปอนด์ หรือประมาณ 72 บาท
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงแค่ ภาพรวม ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกับไว้ระหว่างสโมสรกับผู้ผลิต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายเป็นเงินก้อนให้กับสโมสรในแต่ละปี
ขณะที่ สโมสรให้ข้อมูลว่า ผู้ผลิตชุดกีฬาอย่าง adidas, Nike และ Puma จะรับหน้าที่เป็นผู้กำหนดราคาเสื้อขึ้น
สำหรับ 10 สโมสรพรีเมียร์ลีกปรับราคาเสื้อเกรดแฟนบอลใหม่ในซีซั่น 2023-24 มีดังนี้
ขึ้นราคา 10 ปอนด์ (ประมาณ 440 บาท)
- อาร์เซน่อล (80 ปอนด์)
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (80 ปอนด์)
ขึ้นราคา 5 ปอนด์ (ประมาณ 220 บาท)
- ทอตแน่ม (80 ปอนด์)
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (75 ปอนด์)
- ลิเวอร์พูล (74.95 ปอนด์)
- แอสตัน วิลล่า (70 ปอนด์)
- นิวคาสเซิล (70 ปอนด์)
- เอฟเวอร์ตัน (65 ปอนด์)
- คริสตัล พาเลซ (60 ปอนด์)
- วูล์ฟส์ (60 ปอนด์)