ร่างทรง พลิกฟื้นหนังสยองขวัญในประเทศ

ก่อนหน้านี้ต้องบอกว่า กระแสหนังผี เริ่มซบเซา เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบตีหัวเข้าบ้าน เข้าไปดูแล้ว ไม่มีอะไร คนเริ่มเดาทางได้ก่อนที่ "ร่างทรง" จะมาสร้างปรากฏการณ์ให้คนหันมาสนใจหนังแนวนี้มากกว่าเดิม 

"ร่างทรง" หนังผีใบเบิกทางในยุคนี้ ที่ได้กระแสตอบรับดีมากทั้งฝั่งไทยและเกาหลี เป็นภาพยนตร์ไทยแนวระทึกขวัญ–สยองขวัญ ร่วมทุนผลิตโดยจีดีเอช จากประเทศไทย และ โชว์บอกซ์ จากประเทศเกาหลีใต้ กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล และอำนวยการสร้างโดย นา ฮง-จิน 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best of Bucheon) ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูช็อน ครั้งที่ 25 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการ พร้อมทั้งเป็นภาพยนตร์ทำเงินลำดับที่ 15 ของบอกซ์ออฟฟิศเกาหลีใต้ประจำปี พ.ศ. 2564 ด้วยยอดรายได้ 7.35 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดผู้ชม 831,126 คน นอกจากนี้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติได้เสนอชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกรับเลือกให้เข้าชิง

เรื่องราวการถ่ายทำสารคดีติดตามชีวิตครอบครัวที่สืบเชื้อสายร่างทรง "ย่าบาหยัน" มาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเชื่อกันว่าจะเลือกแต่ร่างของผู้หญิงเพื่อสืบทอดทายาท โดยมี ป้านิ่ม (สวนีย์ อุทุมมา) เป็นผู้สืบทอดสายเลือดร่างทรงคนปัจจุบัน ระหว่างการถ่ายทำกำลังดำเนินอยู่นั้น ทุกคนเริ่มพบอาการแปลกประหลาดหลายอย่างเกิดขึ้นกับ มิ้ง (นริลญา กุลมงคลเพชร) หลานสาวคนเดียวของตระกูล ทุกคนจึงคาดกันว่ามิ้งน่าจะถูกรับเลือกให้เป็นทายาทร่างทรงคนต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปมิ้งกลับมีอาการน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ จนสมาชิกในครอบครัวเริ่มสงสัยกันว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่เข้ามาอยู่ในร่างของมิ้งอาจจะไม่ใช่ย่าบาหยันอย่างที่ทุกคนคิด

เป็นหนังที่มาแรงและได้รับการจับตาดูมากที่สุดในรอบทศวรรษ ด้วยความที่เป็นหนังทุนสร้างของค่ายใหญ่ของไทยและเกาหลี เมื่อหนังสยองขวัญไทย มาผนึกกับทีมสร้างเกาหลี เรื่องนี้จึงได้รับการจับตาดูเป็นพิเศษ หลังจากที่หนังออกสู่สายตาสาธารณะ ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างมากจริงๆ บ้างก็ชื่นชอบที่หนังมีความแปลกใหม่ ภาพสวย และเล่นกับความเป็นชนบทที่เป็นรากเหง้าของคนไทย แต่ในช่วงครึ่งหลัง เสียงก็แตกออกไป มีทั้งชื่นชอบและเข้าไม่ถึง แต่ที่แน่ๆ เป็นหนังที่ถึงพริก ถึงขิง ไปแบบขั้นสุด แล้วไปหยุดที่การเสียอาการของคนดู