Deep Impact หนังหายนะในตำนานกับคลื่นยักษ์สุดอลังการ
ถือเป็นหนังแนวหายนะวันสิ้นโลกยุคแรกๆของวงการภาพยนตร์ ที่ทำให้มวลมนุษยชาติได้ตระหนักถึงมหาภัยธรรมชาติ ที่มนุษย์ไม่อาจต้านทานได้ “Deep Impact” (วันสิ้นโลก ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย)
เป็นหนังที่เราจะได้เห็นสะเก็ดดาวหางพุ่งชนโลก จนเกิดคลื่นยักษ์ และภัยพิบัติที่ตามมามหาศาล
เรื่องราวของ นักดาราศาสตร์หนุ่ม ลีโอ บีเดอร์แมน (เอไลจาห์ วู้ด) และอาจารย์ของเขาค้นพบวัตถุน่าสงสัยบางอย่างท่ามกลางดวงดาวยามค่ำคืน แม้ข้อมูลจะมีไม่มาก แต่พวกเขามั่นใจว่านั่นคือดาวหางที่กำลังจะพุ่งมาชนโลกในไม่ช้า
น่าเศร้าที่ผู้เป็นอาจารย์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวีต ขณะตั้งใจเดินทางไปแจ้งการค้นพบครั้งนี้ให้ ประธานาธิบดีเบ็ค (มอร์แกน ฟรีแมน) ทราบ แต่เคราะห์ดีที่ประธานาธิบดีได้รับข้อมูลแล้วเรียบร้อย พร้อมปลอบประโลมประชาชนทุกคนไม่ให้ตื่นตกใจ เพราะ นาซ่า จะส่งนักบินอวกาศไปรับมือกับวิกฤติใหญ่ในครั้งนี้
โดยพวกเขาต้องทำลายดาวหางให้แตกสลายก่อนมันเดินทางเข้าใกล้โลกไปมากกว่านี้ ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี ประกาศสร้างหลุมหลบภัยขนาดใหญ่ โดยให้สิทธิประชาชนทุกคนจับสลาก เพื่อสุ่มหาผู้โชคดี 800,000 คนที่จะได้เข้าไปยังหลุมหลบภัยแห่งนั้น ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์, ทหาร และเจ้าหน้าที่พิเศษอื่น ๆ อีก 200,000 คน นับเป็นประชากร 1,000,000 ที่ถือเป็นอนาคตสำหรับสร้างชาติให้ดำรงอยู่ต่อไป หากภารกิจทำลายดาวหางในครั้งนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมา
ภาพจาก TrueVisions
หนังอาจจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในช่วงแรก ใครที่หวังดูภัยพิบัติที่ซัดกระจุยกระจายเรื่องนี้ อาจมาในตอนท้ายๆ แต่มาแล้ว ตระการตาแน่นอน ยิ่งฉากคลื่นยักษ์คืบคลานมา มีสองพ่อลูกยืนกอดกันอยู่ริมชายหาด ประทับใจมากๆ
ไหนจะยังเป็นความเสียสละ การหนีเอาตัวรอดไปยังที่สูง จัดเป็นหนังแนวภัยพิบัติยุคแรกๆที่น่าประทับใจมาก พล็อตเรื่องอาจจะคล้ายๆกับ หนังดังอย่าง “Armageddon” แต่การนำเสนอแตกต่างกันมาก เรื่องนี้จะเน้นเรื่องผู้คน ความสับสน ความวุ่นวาย ความอบอุ่นของครอบครัว มากกว่าที่จะเน้นแอ็คชัน
หากใครที่ชื่นชอบหนังแนวนี้แล้วยังไม่มีโอกาสได้ดู ผู้เขียนก็อยากให้ทุกคนได้ลองติดตาม เพราะถือเป็นหนังหายนะระดับตำนาน ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว