"บิวกิ้น พุฒิพงศ์" เปิดใจหลังมีประเด็นผลงานคล้ายไอดอลดัง "KAI"
"บิวกิ้น พุฒิพงศ์" เปิดใจหลังมีประเด็นผลงานคล้ายไอดอลดัง "KAI" พร้อมอัปเดตความพร้อมของคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต
เป็นศิลปินวัยรุ่นที่เป็นที่จับตามองสุดๆ สำหรับหนุ่ม "บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล" ที่งานแสดงจะปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่แล้ว ในเรื่องของงานเพลงบิวกิ้นก็ทำได้ดีจนในที่สุดก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตเดียวครั้งแรกในชีวิตเป็นของตัวเองที่มีชื่อว่า "Billkin Tempo Concert" แต่ก็ไม่วายมีประเด็นสำหรับวิดีโอโปรโมทคอนเสิร์ตที่ดันมีเนื้อหาบางส่วนคล้ายคลึงกับ "KAI" Rover Mood Sampler #1 ขอบคุณ KAI
ซึ่งบิวกิ้นได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเรื่องของผลงานที่มีความคล้ายกับไอดอลเกาหลี "KAI" ว่า "ตามที่ได้ชี้แจงไปเลยว่าวิดีโอตัวนี้ ได้มีการบรีฟคอนเซฟกับทีมก่อนแล้ว จริงๆ แล้วมันคือความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากคือผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยวิดีโอตัวนี้ของคุณไคมาก่อนเลย พอมันมาเป็นสตอรี่บอร์ดเราก็จะเห็นทุกอย่างเป็นกราฟิก มันก็เป็นขอผิดพลาดที่เราไม่ได้ลงไปตรวจมันอย่างดีก่อนว่าตัวไอเดียนี้มันมาจากที่ไหน ผมก็รู้พร้อมกับทุกๆ คนเลย มันคือความผิดพลาดที่เรารู้สึกว่ามันไม่ให้เกียรติงานศิลปะ ผมก็รู้สึกว่าถ้ามองกลับกันแล้วมันเกิดขึ้นกับเรา มันก็เป็นสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกเหมือนกัน ผมรู้สึกผิดแล้วก็ไม่สบายใจแล้วก็ให้ทุกคนเอาออกจากโซเลียลเลย ในส่วนของเซตที่มีประเด็นผมก็เอาออกไปเลย แล้วเราก็ทำวิดีโอใหม่เอามาเล่าด้วยลีลาใหม่ เรารู้ก่อนเราก็แก้ปัญหาก่อนก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ของคุณไคที่มาบอก เราก็เลยรู้สึกอยากจะรับผิดชอบให้มากที่สุด"
และบิวกิ้นยังได้อัปเตดถึงความคืบหน้าของคอนเสิร์ตว่า "ในส่วนของคอนเสิร์ต ที่เปิดขายบัตรในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ตอนสิบโมง สำหรับคอนเสิร์ต "Billkin Tempo Concert" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2566 ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก จริงๆ ตอนแรกเราประกาศไปรอบเดียว สาเหตุที่ตัดสินใจประกาศเพิ่มรอบเพราะว่าเรามีกรณีศึกษาว่าถ้าเราประกาศเพิ่มรอบไปทีหลังอาจจะทำให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคได้ เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราจะเปิดสองรอบเราต้องประกาศเลย แต่ใจเรารู้สึกว่า ไม่อยากให้มันไปเกิดการขายรีเซลกัน เราก็เลยตัดสินใจเพิ่มรอบไปเลย ถึงสุดท้ายมันจะไม่เต็มแต่เราก็รู้สึกดีที่อย่างน้อยคนที่อยากมาก็ได้มา ความตั้งใจของเรีาคืออยากให้ทุกคนมาครับ...
บิวกิ้นได้เผยสาเหตุที่ใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า Tempo ก็เพราะว่า "จริงๆ tempo มันคือเรื่องของจังหวะช้า จังหวะเร็ว แต่ tempo มันก็เหมือนกับความแตกต่างความหลากหลายของคน ที่มีหลากหลายจังหวะในชีวิต tempo ของผมก็มีหลากหลายมุม มีตัวตนหลายๆ มุมที่ผมต้องการเอาสิ่งนี้มาใส่ในแต่ละพาร์ทของโชว์ที่สามารถบ่งบอกตัวตนของเราให้ได้มากที่สุด เพราะว่ามันเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยว มันเป็นอีกหนึ่งงานที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต เต็มที่และจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด แต่ว่าเราก็เต็มที่แล้วก็แขกเยอะ...
"ในเรื่องของโชว์ทั้งในพาร์ทของตัวผมและแขกรับเชิญเราก็พยายามหาอะไรที่มันใหม่จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเรา อาจจะเคยร่วมงานกับศิลปินบางคนมาแล้วถ้าเราต้องร่วมงานกับศิลปินคนเดิมเราจะต้องหาอะไรใหม่ๆ หรือว่าการที่เราจะทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ เราจะชวนใครมาที่มันจะเกิดเคมีใหม่ๆ มันมความหมายสำหรับตัวตนของเรา ใครบางที่เรารู้สึกเป็นเหมือนไอดอลของเรา แขกที่มามีความหมายทุกคนครับ มีความหมายกับคนดูทุกคนด้วยครับ เรื่องของเซอร์ไพรส์ก็น่าจะมีหลายอย่างอะครับ เพราะเราใส่ใจแล้วก็ตั้งใจที่จะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ผมได้ลงไปดูการทำงานทุกขั้นตอน"
