“ปอ - โรเบิร์ต” เข้าฟังคำพิพากษาคดีแตงโม (มีคลิป)
"แม่แตงโม" โอด อย่าหาว่าหน้าเงิน เรียกโบนัส "ปอ-โรเบิร์ต" เพิ่มจนกว่าจะพอใจ
เมื่อช่วงเช้า วันที่ 10 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ณ ศาลอาญาจังหวัดนนทบุรี เป็นวันพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของนักแสดงดาว "แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์" ที่พลัดตกเรือเสียชีวิต ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
ศาลมีการนัดนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดี มาทำการฟังคำพิพากษาหลังจากที่ทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพในชั้นตรวจสอบพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
สำหรับคดีนี้ถูกแยกฟ้องออกเป็นคดีใหม่ ภายหลังที่จำเลยทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพในชั้นตรวจพยานหลักฐาน โดยนายปอ ถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องในข้อหากระทำการโดยประมาท และกระทำการนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาฝ่าฝืนใช้เรือ ที่มิได้รับอนุญาตใช้เรือ หรือที่ใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุแล้ว หรือผิดไปจากเขตหรือตำบลการเดินเรือที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
ขณะที่นายโรเบิร์ต ถูกฟ้องในข้อหา ฝ่าฝืนใช้เรือ ที่มิได้รับอนุญาตใช้เรือ หรือที่ใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุแล้ว หรือผิดไปจากเขตหรือตำบล และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยนายโรเบิร์ต ได้เดินทางมาถึงโดยรถยนต์ส่วนตัว และไม่ได้ตอบคำถามใดกับสื่อมวลชนแต่อย่างใดเพียงแต่ขออนุญาตในการเดินทางขึ้นไปสู่ห้องพิจารณาคดีเท่านั้น
ทางด้านนายปอ ได้เดินทางมาถึงบริเวณศาลโดยมีสีหน้าท่าทางสบายใจ และให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นสู่ห้องพิจารณาคดี
ในส่วนของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ แตงโม เข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของลูกสาว พร้อมเปิดเผยความรู้สึกก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า ในวันนี้ส่วนตัวไม่ได้มีการคาดหวังคำพิพากษาในทิศทางใดเพราะเชื่อว่าศาลจะมีดุลพินิจเป็นไปตามข้อเท็จจริง หากศาลมีคำพิพากษาให้รอลงอาญา ก็ถือเป็นเรื่องดีกับตัวจำเลย เพราะทั้งสองคนหลังจากเกิดเรื่องได้มีการเข้ามาพูดคุย สำนึกผิดและชดใช้ดูแลตนเองมาโดยตลอด ซึ่งทั้งสองคนยังคงดูแลและจ่ายค่าเยียวยาช่วยเหลือตนเองมาจนถึงปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีการจ่ายเงินให้ตนเองทุกวันที่ 1 ของเดือนเป๊ะเสมอมา ส่วนวันนี้ จะยื่นต่อศาลเพื่อขอยกเลิกสัญญาเดิมและทำสัญญาใหม่ ของปอกับโรเบิร์ต ค่าเยียวยา ก้อนแรกยังคงอยู่ แต่ที่เพิ่มคือ ปอกับโรเบิร์ต จะให้เพิ่มโบนัสเป็นเงินก้อนกับแม่แบบรายปี แต่ยังไม่ขอเปิดวงเงิน
โดยในวันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ปอ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้องมีคำพิพากษาตัดสินให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี 8 เดือนปรับเป็นจำนวนเงิน 1.2แสนบาทแต่จำเลยมีเจตนาจ่ายค่าชดเชยเยียวยาบรรเทาโทษแก่ผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วมจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งและมีเหตุอันควรปราณีพิพากษาให้จำคุกเหลือ 2 ปี 9 เดือนปรับเป็นเงิน6.4 หมื่นบาท ให้รอลงอาญาระยะเวลา 3 ปีและรายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมสาธารณะ
ส่วนโรเบิร์ต จำเลยที่ 2 ศาลมีคำพิพากษาตัดสินจำคุกเป็น เวลา 4 ปี 4 เดือนและให้ปรับประมาณ 1 แสนบาทถ้วนแต่จำเลยที่ 2 มีเจตนาเยียวยาชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจลดโทษให้กับจำเลยที่ 2 เป็นจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนปรับ 5.4หมื่นบาทถ้วนและให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปีและให้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและสาธารณะ
ภายหลังของคำตัดสินของศาลเสร็จสิ้น คุณแม่ภนิดา พร้อมด้วย ปอ และโรเบิร์ต เดินจูงมือลงมาจากศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีผ่อนคลายก่อนที่ คุณแม่ภนิดา จะให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษ ให้รอลงอาญากับ ลูกปอ และลูกโรเบิร์ต ตนเองก็ดีใจที่คำตัดสินออกมาในลักษณะนี้ โดยเมื่อคืนตนเองได้มีการจุดธูปอธิษฐานขอให้แตงโมช่วยดลใจผู้พิพากษาว่าคนไหนผิดคนไหนถูก ท่านจะได้ตัดสินอย่างยุติธรรม
ในส่วนตัวคุณแม่เองรู้สึกว่าในวันนี้ได้รับความยุติธรรมกับตัวคุณแม่รวมถึงตัวคุณแตงโมหรือไม่ คุณแม่ ระบุว่า ตนเองรู้สึกพอใจกับผลการตัดสินในวันนี้ส่วนตัวได้มีการส่งใจถึงลูกสาวมาโดยตลอด และเชื่อว่าการตัดสินวันนี้มาจากการที่ลูกสาวตนเองโดนใจไปถึงท่าน ผู้พิพากษา ให้ผลออกมาอย่าง เป็นธรรม หลังจากนี้ในส่วนของตนเอง ลูกปอและลูกโรเบิร์ต จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเรื่องของสัญญาที่มีการทำกันไว้ และจนมาถึงวันนี้ตนเองไม่ได้มีการรู้สึกติดใจหรือสงสัยสาเหตุที่เกิดเหตุบนเรือขึ้นกับลูกสาว และลูกทั้งสองคนอีกแล้ว เพราะทั้งสองแสดงให้เห็นถึงสำนึกผิด และความตั้งใจในการการชดใช้เยียวยาดูแลตนเองมาตลอด 1 ปี 3 เดือน รวมถึงตนเองยังรู้สึกสัมผัสได้ถึงลูกสาวว่าอยู่สบายดี ตนเองจึงยืนยันว่าวันนี้ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวอีกแล้ว เพราะอาจจะเป็นเหตุบังเอิญ หรือจริงๆแล้วมันก็คือประมาท ตามคำพิพากษาของศาล
ด้าน ปอ เผยว่า ตนเองเชื่อมั่นในความยุติธรรมและยอมรับคำตัดสินที่ศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ ส่วนตัวโรเบิร์ต เผย ว่าตนเองต้องขอขอบคุณทางคุณแม่ภนิดา ด้วยที่ ให้อภัยตนเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเอ็นดูรวมถึงให้ความรักกับตนเอง จนทำให้เรื่องราวของตนเอง มาถึงจุดจบในวันนี้