TNN สถานบันเทิงครบวงจรดันจีดีพีร้อยละ 0.7

TNN

เศรษฐกิจ

สถานบันเทิงครบวงจรดันจีดีพีร้อยละ 0.7

หอการค้า ชี้สถานบันเทิงครบวงจน หนุนท่องเที่ยว-จ้างงาน คาดทำรายได้ร้อยละ 0.7ของจีดีพี ทำรายได้หลายแสนล้านบาท

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นโยบายก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศที่สามารถทำเงินจากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรได้กว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท รวมทั้งในอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ เวียดนาม สปป.ลาว และเมียนมา ก็มีรายได้จากธุรกิจนี้ 5,000 ล้านบาทถึงหลายแสนล้านบาทในแต่ละปี เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพใช้จ่ายสูง ที่ต้องการไปช้อปปิ้ง ดูโชว์ พักผ่อน โดยมีธุรกิจการพนันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทำให้หากรัฐบาลส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย  ทั้งด้านอาหาร การจัดการกิจกรรมขนาดใหญ่และเทศกาลสำคัญๆ ต่างๆ ของไทยก็ยิ่งเป็นช่วยสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ นอกเหนือจากการเข้ามาใช้บริการเฉพาะในส่วนสถานบันเทิงครบวงจร

                    

นายสนั่น กล่าวว่า ผลกระทบในแง่เศรษฐกิจ จากกรณีศึกษาประเทศสิงคโปร์ พบว่า ในปี 2565 สถานบันเทิงครบวงจร มีสัดส่วนร้อยละ 4 ของจีดีพี สร้างงานให้คนในพื้นที่ 20,000 ตำแหน่ง โดยจากกรณีศึกษาเหล่านี้ ประเมินว่าหากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบและรอบคอบ ก็จะเป็นโอกาสให้เศรษฐกิจไทย 


ส่วนพื้นที่ที่มีการเสนอเบื้องต้นในจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และพัทยา ส่วนนี้หอการค้าฯ เห็นว่าเหมาะสมดี แต่อยากให้เกิดการกระจายรายได้ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม เพื่อช่วยให้เกิดการพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเกิดการกระจายรายได้ รวมถึงเศรษฐกิจในต่างจังหวัด เช่นเดียวกับตัวอย่างเมืองลาสเวกัส (Las Vegas) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งกาสิโนและความบันเทิงระดับโลก เดิมเคยเป็นเพียงพื้นที่ทะเลทราย


ทั้งนี้หากรัฐบาลผลักดันสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยได้สำเร็จ คาดการณ์ว่า รายได้ของผู้ประกอบการกาสิโนจะอยู่ที่ 69,583 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 ของจีดีพี 


ขณะที่รัฐบาลจะมีรายได้ 36,048 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 105,631 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 70,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนนี้ต้องมาพิจารณาหลักเกณฑ์การลงทุนและรายละเอียดอื่นๆ ของรัฐบาลอีกครั้ง เนื่องจากขั้นตอนการนำเสนอกฎหมายเพิ่งผ่านหลักการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาเป็นร่างเบื้องต้นเท่านั้น


ที่มา TNN

 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง