TNN "Rolex" ราคาพุ่งรับปีใหม่ เหตุทองแพงสูงสุดรอบ 14 ปี l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

"Rolex" ราคาพุ่งรับปีใหม่ เหตุทองแพงสูงสุดรอบ 14 ปี l การตลาดเงินล้าน

ทั่วไป Rolex จะปรับขึ้นราคาทุกวันที่ 1 มกราคม ปีนี้ปรับขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8 เหตุราคาทองแพงสูงสุดรอบ 14 ปี


โรเล็กซ์ เอสเอ (Rolex SA) ผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิกาหรูรายใหญ่ที่สุด สัญชาติสวิส เริ่มต้นปี 2025 ด้วยการปรับขึ้นราคา สูงถึงร้อยละ 8 สำหรับนาฬิากาหรูบางรุ่นที่มีส่วนประกอบทำจากวัสดุทองคำ เช่นรุ่น yellow gold Day-Date หน้าปัดสีดำขนาด 40 มิลลิเมตร ตามเว็บไซต์ของ โรเล็กซ์ ในฝรั่งเศส ราคาเพิ่มขึ้นจาก 41,000 ยูโร เป็น 44,200 ยูโร

ส่วน Yellow gold GMT-Master ราคาปรับขึ้นจาก 41,300 ยูโร เป็น 44,600 ยูโร

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ตามปกติแล้ว โรเล็กซ์ จะมีการปรับขึ้นราคาปีละครั้ง และจะประกาศในวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ซึ่งการปรับขึ้นราคาดังกล่าว สามารถบ่งบอกถึงความต้องการในผลิตภัณฑ์หรู รวมไปถึงต้นทุนวัสดุและแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ และสำหรับการประกาศรอบล่าสุดนี้ มีสาเหตุหลักมาจากการบันทึกราคาที่เพิ่มขึ้น จากราคาทองคำปี 2024 ซึ่งพุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยปรับตัวขึ้นสูงไปถึงร้อยละ 27 

ทำให้ การปรับราคา โรเล็กซ์ ในปี 2025 สูงกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งปรับขึ้นไปเฉลี่ยที่ร้อยละ 4 

อย่างไรก็ดี รุ่นที่เป็นสายเหล็ก หรือสายโลหะ การปรับขึ้นราคาในปีนี้ ดูจะมีความรุนแรงน้อยกว่า เช่น Cosmograph Daytona สายเหล็ก ราคาเพิ่มขึ้นจาก 15,500 ยูโร ในปี 2024 เป็น 16,000 ยูโร ในปีนี้ ส่วนรุ่น Submariner นาฬิกาดำน้ำรุ่นไม่มีวันที่ ราคาขยับขึ้นไปราวร้อยละ 1.6 เป็น 9,500 ยูโร

บลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่า ในการปรับขึ้นราคาครั้งล่าสุด แม้จะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ แต่ก่อนหน้านี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุของการปรับราคาด้วย เช่น ความผันผวนของค่าเงิน ที่เมื่อปี 2022 โรเล็กซ์ เคยปรับขึ้นราคาในสหราชอาณาจักร และยุโรป ไปถึง 2 ครั้ง เพราะ ฟรังก์สวิส พุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์ และค่าเงินยูโร

นอกจากนี้ ราคานาฬิกาในแต่ละประเทศ ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ด้านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ และบ่งบอกถึงระดับความนิยมนาฬิกาหรูในแต่ละประเทศอีกด้วย ขณะที่ตามรายงานของนักวิเคราะห์ ประมาณการณ์ว่า ว่า โรเล็กซ์ แบรนด์นาฬิกาหรูชั้นนำของโลก มีการผลิตนาฬิกาได้มากกว่า 1 ล้านเรือน ต่อปี ด้วยยอดขายมากกว่า 10,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง