TNN เช็กเงื่อนไข "Easy E-Receipt" ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่น สินค้าใดซื้อได้-ไม่ได้

TNN

เศรษฐกิจ

เช็กเงื่อนไข "Easy E-Receipt" ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่น สินค้าใดซื้อได้-ไม่ได้

เช็กเงื่อนไข Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่น สินค้าใดซื้อได้-ไม่ได้

ครม.อนุมัติหลักการมาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" ลดหย่อนภาษี 68 สูงสุด 5 หมื่นบาท ส่ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 16 ม.ค.- 28 ก.พ.68 เช็กเงื่อนไขที่นี่

วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) เวลา 15.00 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการมาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศ ส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีและการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 


หรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงสุด รวม 50,000 บาท สำหรับสินค้าหรือค่าบริการทั่วไป (รวมค่าซื้อสินค้า OTOP และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม) ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ทั้งนี้ หากเกิน 30,000 บาท ให้หักลดหย่อนสำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและกฎหมายว่า ด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท


สำหรับเงื่อนไขในการใช้มาตรการฯ มีดังนี้ ค่าซื้อสินค้าและค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  กรณีไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้ 


1) ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร  

2) ค่าบริการหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (E- book)  

3) ค่าซื้อสินค้า OTOP ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว  

4) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร ไม่ว่าวิสาหกิจชุมชนนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล  

5) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อ สวส.


ทั้งนี้ ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการนี้ไม่รวมถึง 


1) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์  

2) ค่าซื้อยาสูบ 

3) ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ 

4) ค่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และค่าซื้อเรือ  

5) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 

6) ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการ ดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กำหนด 

7) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย 

8) ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ 

9) ค่าบริการที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 

10) ค่าบริการที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักโฮมสเตย์ไทยให้แก่ผู้ประกอบการโฮมสเตย์ไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) 

11) ค่าบริการที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม  ซึ่งผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิตามมาตรการนี้ต้องไม่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล


“มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท และช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ 2.3 – 3.3 และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี  โดยกรมสรรพากรคาดการณ์ว่ามาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" จะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 1.4 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 10,500 ล้านบาท ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)" ของกรมสรรพากรเท่านั้น” นางสาวศศิกานต์ ระบุ

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง