ภาษีทรัมป์ทำจีน เศรษฐกิจโตต่ำกว่าร้อยละ 2
การกลับมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอย่างน้อย 60% ถูกมองว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเศรษฐกิจจีนในช่วงหลายปีต่อจากนี้
รายงาน "พยากรณ์เศรษฐกิจเอเชียระยะกลาง ครั้งที่ 9" ของศูนย์วิจัยด้านเศรษฐกิจแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Center for Economic Research : JCER) วิเคราะห์ว่า หากโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนอย่างน้อย 60% ผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อการส่งออกของจีน ซึ่งจะผนวกรวมกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีอยู่เดิม ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจจีนแย่ลง โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอาจต่ำกว่า 2% ในปี 2035
JCER ประมาณการผลกระทบจากอัตราภาษีของทรัมป์ต่อการส่งออกของจีนว่า หากสหรัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% การส่งออกของจีนจะหดตัวลง 2.3% และหากจัดเก็บภาษี 60% การส่งออกจะลดลงเกือบ 14%
ส่วนกรณีฐาน ซึ่งคู่ค้าของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบไม่ได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ที่มีนัยสำคัญ การเติบโตของจีดีพี จีนจะชะลอตัวลงเหลือโต 3.4% ในปี 2025 จากที่คาดว่าจะโต 4.7% ในปีนี้ แล้วจะฟื้นกลับมาโตได้ 4% ในปี 2026 แต่ก็จะชะลอตัวลงอีกจนกระทั่งต่ำกว่า 3% ในปี 2030 จากนั้นจะลดลงเหลือโตเพียง 1.8% ในปี 2035
JCER มองว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลกในรูปแบบ "การค้าที่ซบเซา" ซึ่งหากปริมาณการค้าโลกลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงที่เกิดวิกฤตเลห์แมน บราเธอร์ส อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากจีนจะลดลงประมาณ 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับกรณีฐานที่ไม่มีปัจจัยนี้
นอกจากนั้น JCER ยังจำลองฉากทัศน์ความเสี่ยงที่สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60% และจากประเทศอื่น 20% แล้วประเทศคู่ค้าตอบโต้สหรัฐด้วยการเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่เท่ากัน และรัฐบาลทรัมป์จะส่งผู้อพยพกลับประเทศ 2 ล้านคนต่อปี ในระหว่างปี 2025 ถึง 2028
ตามฉากทัศน์นี้ มูลค่าการส่งออกทั่วโลก ณ ปี 2035 จะลดลง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับกรณีฐานที่ไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ทั้งนี้ ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือสหรัฐเอง โดยการเติบโตของจีดีพีสหรัฐจะลดลงต่ำกว่ากรณีฐานอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ