ขานรับเทรนด์ค้าปลีกยุคใหม่ CPAXTRA พัฒนา Mixed-Use บางนา-ตราด

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจค้าปลีก เปิดเผยว่า เทรนด์ธุรกิจค้าปลีกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ ผู้บริโภคยุคดิจิทัลให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร ทั้งการทำงาน การช้อปปิ้ง และการพักผ่อนภายในพื้นที่เดียวกัน ทำให้การพัฒนาโครงการแบบ“Mixed-Use Development” กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องเร่งปรับตัว 

โดยการผสานพื้นที่ค้าปลีกเข้ากับพื้นที่สำนักงานและไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและสร้างคุณค่าเพิ่มจากพื้นที่เดิม

ผู้เชี่ยวชาญค้าปลีกมองว่า การที่ CPAXTRA เดินหน้าพัฒนาโครงการศูนย์การค้า Mixed-Use ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกทางอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะสอดรับกับเทรนด์ค้าปลีกยุคใหม่แล้ว 

ยังเป็นการใช้ศักยภาพทำเล Prime Location อย่างบางนา-ตราด ซึ่งกำลังเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญที่มีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค. 2567) ผู้บริหารจากบริษัทซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXTRAได้จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ถึงแผนการลงทุนในศูนย์การค้า Mixed-Use บางนา-ตราด 

โดยผู้บริหารย้ำว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นการดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรที่ต้องการต่อยอดธุรกิจค้าปลีก และศูนย์การค้า โดยจะพัฒนาโครงการ The Lotus’s Mall Bangna (The Happitat)ให้เป็นโลตัสไฮเปอร์มาเก็ต  ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชนทุกช่วงวัยภายใต้แนวคิด “SMART COMMUNITY CENTER” หรือ ศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ 

ผู้บริหารชี้แจงว่า ศูนย์การค้าใหม่นี้จะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่รวมพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่สำนักงาน และพื้นที่กิจกรรมอื่น ๆ ไว้ในที่เดียว ซึ่งต่อยอดความเชี่ยวชาญที่ CPAXTRA มีมายาวนานหลายสิบปีในการบริหารศูนย์การค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายแห่ง เช่นโลตัสนอร์ธ ราชพฤกษ์, โลตัสรามอินทรา และโลตัสสระบุรี

โดยแนวคิด SMART COMMUNITY CENTER จะทำให้ศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้กลายเป็น One-Stop Destination ที่รองรับทั้งนักช้อป ครอบครัว และกลุ่มคนทำงานยุคใหม่

ในการนี้ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ผู้บริหาร CPAXTRA ได้อธิบายให้เห็นว่า ทำเลบางนา-ตราดถือเป็นPrime Locationที่มีศักยภาพสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 20 กิโลเมตร และการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในอนาคต เช่นโครงการรถไฟฟ้ารางคู่สายบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ (LRT)การเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีเขียว 

นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังรายล้อมด้วยชุมชนที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงสูง บ้านจัดสรรไฮเอนด์ และคอนโดมิเนียมพรีเมียม ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาศูนย์การค้าและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ครบวงจร

ผู้บริหาร CPAXTRA  มั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า พร้อมสร้างผลตอบแทนรวดเร็ว โดยระบุว่า การเข้าลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนานี้ จะช่วยให้สามารถเปิดดำเนินการได้เร็วกว่าการเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการบางส่วนได้ในปลายปี 2568 และเปิดเต็มรูปแบบภายในไตรมาสแรกของปี 2569 

นอกจากนี้การประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ยืนยันว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ สรุปว่า การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ CPAXTRA ในการขยายธุรกิจค้าปลีกสู่ศูนย์การค้า Mixed-Use อย่างมีแบบแผน พร้อมทั้งชิงความได้เปรียบจากทำเล Prime Location ที่มีศักยภาพสูงอย่างบางนา-ตราด ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ในอนาคต

“CPAXTRA กำลังวางหมากเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทั้งการตอบโจทย์เทรนด์ค้าปลีกยุคใหม่ สร้างศูนย์การค้าแบบครบวงจร และจับจองพื้นที่ทำเลทองบางนา-ตราด ซึ่งจะทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว” นักวิเคราะห์กล่าวทิ้งท้าย.