สรรพสามิตจ่อเพิ่มราคาขายปลีกสินค้า
สรรพสามิต ลุยรื้อฐานภาษี เล็งเพิ่มราคาขายปลีกคำนวณภาษีในสินค้า 22 รายการ
รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตเตรียมทบทวนราคาขายปลีกแนะนำสินค้าที่อยู่ในพิกัดการจัดเก็บของกรมสรรรพสามิต เพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่ เนื่องจากเห็นว่า ราคาขายปลีกแนะนำของสินค้าหลากหลายรายการ ในปัจจุบันมีราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ร้อยละ 5-10
ที้งนี้ราคาขายปลีกแนะนำ ทางผู้ผลิตสินค้าจะเป็นผู้กำหนด ขณะที่กรมสรรพสามิตจะเป็นผู้เข้าไปตรวจสอบว่าเป็นราคาขายปลีกที่เหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น เมื่อมีการกำหนดราคาขายปลีกแนะนำที่ต่ำ ก็ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ต่ำลงตามไปด้วยเช่นกัน
สำหรับ ปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตอยู่ในระดับ 500,000-600,000 ล้านบาทต่อปี โดยสินค้าและบริการที่อยู่ในพิกัดภาษีมีอยู่ 22 รายการ โดยเน้นการจัดเก็บภาษีเพื่อลดผลเสียต่อสุขภาพและสินค้าที่มีลักษณะฟุ่มเฟือยเป็นหลัก โดย 6 รายการแรกที่มียอดจัดเก็บภาษีมากที่สุด คือ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รถยนต์ เบียร์ สุรา ยาสูบ และเครื่องดื่ม หากมีการปรับเพิ่มราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ ร้อยละ 5 รัฐบาลก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20,000-30,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงราคาขายปลีกแนะนำใหม่นั้น จะเน้นไปยังสินค้าที่มีราคาสูงเช่น รถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ในตลาดเกรย์ มาร์เกต เป็นรถหรู รถที่มีราคาสูง ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงและมีการคิดราคาขายปลีกที่ต่ำกว่าความเป็นจริงร้อยละ 5-15
ก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิต ได้รับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 68 ไว้ที่ 600,000 ล้านบาท โดยมองว่าหากไม่ มีปัจจัยภายนอกกระทบ เชื่อว่าการจัดเก็บรายได้จะเป็นไปตาม เป้าหมาย ขณะที่การจัดเก็บภาษีคาร์บอน ได้ดำเนินการเรียบร้อย แล้ว และอยู่ระหว่างเสนอให้ ครม.พิจารณา โดยยืนยันว่าในหลักการจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างแน่นอน เพราะในระยะแรก จะเริ่มเก็บจากน้ำมัน ซึ่งเก็บจากสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ เป็นหลัก
ทีมา TNN
ข่าวแนะนำ