MR. D.I.Y. ทุ่ม 2,000 ล้านบาทผุดสาขาทั่วไทย l การตลาดเงินล้าน
MR.D.I.Y. จากประเทศมาเลเซีย มองตลาดไทยยังเป็นโอกาส พร้อมเปิดแผนปีหน้า ทุ่มอีก 2,000 ล้านบาท จะเปิดสาขาครบ 77 จังหวัด ชูจุดขายเรื่องราคาต่ำกว่าตลาดทั่วไปและมีสินค้าหลากหลาย
คุณ แอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นประเทศแรกที่บริษัทฯ เลือกที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศ ตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน มองว่า ไทยยังเป็นตลาดที่มีโอกาสในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง จากศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศ
โดยในช่วง 1-4 ปีแรกของการเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทย บริษัทฯ เน้นศึกษาตลาด และพฤติกรรมของคนไทย ทำให้มีสาขาอยู่ราว 250 แห่งเท่านั้น จากนั้นอีก 4 ปีต่อมา จึงเร่งเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีสาขาแล้วรวม 900 สาขา และคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2567 จะมีสาขาอยู่จำนวนประมาณ 920 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัด
ส่วนอีก 3 จังหวัดที่เหลือคือ แม่ฮ่องสอน พังงา และ ยะลา คาดว่าจะขยายสาขาเข้าไปให้ครบทั้ง 77 จังหวัดภายในไตรมาส 1 ปีหน้า
โดยปี 2568 บริษัทฯ มีแผนจะลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาเพิ่มอีก 200 แห่ง ซึ่งจะเน้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสาขาในห้างสรรพสินค้า และสาขารูปแบบสแตนด์อะโลน เพื่อให้ลูกค้าในพื้นที่ชุมชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และจะทำให้ปี 2568 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย จะมีสาขาในไทยกว่า 1,100 สาขา
ด้านผลประกอบการ ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 12,800 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีแรกของปี 2567 ยอดขายรวมอยู่ที่ราว 7,500 ล้านบาท และมีพนักงานมากกว่า 10,000 คน
ทั้งนี้ ตลาดร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ จากข้อมูล พบว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลของบริษัทวิจัย ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิวัน (Frost & Sullivan) รายงานว่า ปี 2564 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 26,000 ล้านบาท, ส่วนปี 2565 มูลค่าตลาดเติบโตขึ้นเป็น 30,500 ล้านบาท และปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 35,900 ล้านบาท
โดย มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด ล่าสุด อยู่ที่ร้อยละ 35.6
คุณ แอนดี้ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์สำคัญของบริษัทฯ มี 3 ด้าน คือ ความหลากหลายของสินค้า ที่ปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 15,000 เอสเคยู ครอบคลุมใน 6 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์ของใช้ในครัวเรือน เป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด ร้อยละ 36 ถัดมาคือกลุ่ม อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ หรือเครื่องมือช่าง ร้อยละ 17 ส่วนกลุ่มอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 9 กลุ่มเครื่องเขียนและกีฬา มีสัดส่วนร้อยละ 9 เช่นกัน กลุ่มของเล่น สัดส่วนร้อยละ 6 และสินค้าอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, สินค้าประดับยนต์, เครื่องประดับและเครื่องสำอาง เป็นต้น มีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ ร้อยละ 23
กลยุทธ์ถัดมา คือราคา ซึ่งมีราคาถูกกว่ารายอื่นในตลาดประมาณร้อยละ 25 และยังไม่มีนโยบายปรับราคา และสุดท้ายคือ การเลือกโลเคชันที่เหมาะสม
ด้านคุณอานุภาพ คงมาลัย รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. กล่าวด้วยว่า การขยายสาขาให้ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงสาขาใกล้บ้านได้สะดวกสบายมากขึ้น โดยพบว่า พฤติกรรมของลูกค้าคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่โควิด ระบาด ทำให้ทันมาซ่อมแซม และตกแต่งบ้านด้วยตัวเองกันมากขึ้น ปัจจุบัน แม้โควิดคลี่คลาย แต่พฤติกรรมเหล่านี้ยังคงอยู่ และกลายเป็นความคุ้นชินสำหรับคนไทยแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ คือกลุ่ม กลาง ล่าง ที่เน้นคำนึงถึงเรื่องของราคาเป็นหลัก
ส่วนแผนการขายหุ้น IPO ยังอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลังจากยื่นไฟลิ่งไปก่อนหน้านี้
ข่าวแนะนำ