คลังมั่นใจมาตรการแก้หนี้ช่วยแก้ปมยึดรถ
คลัง เผยมาตรการแก้หนี้ ที่ร่วมกับธปท. และสถาบันการเงิน แก้หนี้บ้าน รถ และช่วยเอสเอ็มอี ประกาศ 11 ธ.ค.นี้ แก้ปัญหายึดรถได้ ชี้ลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF แบงก์ช่วยยืดหนี้ ทำให้คนหายใจได้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายเร็วๆ นี้ รัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องการออกมาตรการแก้ไขหนี้ประชาชน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูง อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท เพราะวันนี้คนอ่อนแอจากภาระหนี้ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี โดยมาตรการครั้งนี้จะเป็นการดูแลหนี้ทั้งธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของรัฐ
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน จะร่วมกันแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน รถ และเอสเอ็มอี
สำหรับเบื้องต้นจะมีผู้ร่วมแถลงข่าว ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้บริหารสถาบันการเงิน โดยรูปแบบของมาตรการแก้หนี้ ยกตัวอย่าง เช่น หากผู้เข้าร่วมมาตรการเป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน ในช่วง 3 ปีที่เข้าโครงการ สามารถเลือกชำระค่างวดแบบเต็มจำนวนเดิม หรือเลือกผ่อนครึ่งหนึ่งก็ได้ โดยเงินที่ชำระมาจะนำไปตัดเงินต้น 100%
รายละเอียดให้รอการแถลงข่าว เบื้องต้นเป็นวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นี้ คาดว่าจะจัดที่ธปท. ส่วนตัวมองว่ามาตรการแก้หนี้ที่กำลังจะออกมาเป็นมาตรการที่ดี เนื่องจากปัจจุบันปัญหาการยึดบ้าน ยึดรถมีความรุนแรง ส่งผลเกี่ยวเนื่องไปยังซัพพลายเชนของธุรกิจเหล่านี้ด้วยส่วนการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institutions Development Fund หรือ FIDF) เหลือร้อยละ 0.23 จากเดิมร้อยละ 0.46 เพื่อตั้งกองทุนสำหรับมาตรการแก้หนี้นั้น มองว่าเป็นการออกแบบที่ดีแล้ว เนื่องจากเป็นกลไกที่จะทำให้เกิดการแข่งขันช่วยลูกหนี้ระหว่างสถาบันการเงิน
เรื่องนี้ออกแบบไว้ดีแล้ว เพราะเงินถูกเก็บไว้เป็นกองกลาง ถ้าใครไม่ทำก็เหมือนลงเงินกองกลางฟรี แต่ใครทำได้เยอะก็กินเงินกองกลางได้มาก สมมติจะแก้หนี้ให้ 1 ราย ใช้เงิน 100 บาท แบงก์ก็มาใช้เงินกองกลางได้ 50 บาท และออกเอง 50 คือเป็นการแก้หนี้โดยใช้ต้นทุนของแบงก์แค่ครึ่งเดียว
ทั้งนี้ การลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ จะให้ยืดเวลาชำระหนี้ FIDF ออกไปอีก ถือเป็นสิ่งที่รัฐจะเสีย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การชำระหนี้ FIDF ใกล้จะครบวงเงินแล้ว เรามองว่า การลดเงินนำส่งเข้ากองทุน เพื่อยืดเวลาใช้หนี้ไป จะทำให้คนหายใจได้ ทำให้เศรษฐกิจหมุน ซึ่งมองในความคุ้มค่าส่วนนี้มากกว่า
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ