TNN ฟันธง ! ผู้ผลิตEVจีน อยู่รอดแค่ 7 ราย l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

ฟันธง ! ผู้ผลิตEVจีน อยู่รอดแค่ 7 ราย l การตลาดเงินล้าน

He Xiaopeng ผู้ก่อตั้ง Xpeng ทำนายตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของจีน บอกอีก 10 ปีจะมีผู้รอดเพียง 7 รายเท่านั้น

เหอ เสี่ยวเผิง ประธานและซีอีโอ ของ เอ็กซ์เผิง ให้สัมภาษณ์กับสื่อ เดอะ เสตรท ไทมส์ จากสิงคโปร์ บอกว่า บริษัทสตาร์ทอัป ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของจีน จากที่เคยมีกว่า 300 ราย และมีเพียง 100 แห่งเท่านั้นที่อยู่รอด แต่ปัจจุบันบริษัทที่คงอยู่ เหลือไม่ถึง 50 ราย และมีเพียง 40 รายเท่านั้น ที่สามารถผลิตและจำหน่ายรถยนต์ได้จริงเป็นรายปี

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีเพียง 7 บริษัทรถยนต์รายใหญ่เท่านั้นที่จะคงอยู่ได้ (แต่ก็ไม่ได้ระบุว่า มีใครบ้างที่จะเป็นผู้รอด)

รวมทั้ง บอกว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถหลัก ที่บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ จำเป็นต้องมี เพื่อความอยู่รอด รวมถึงต้องเรียนรู้จากแบรนด์ระดับโลก ทั้งในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์และการบริการ

ทั้งนี้ สำหรับ เอ็กซ์เผิง ขยายตลาดไปแล้วกว่า 30 ประเทศ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถทำกำไรได้ โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1,280 ล้านหยวน แต่เป็นการขาดทุนลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนอยู่ 2,800 ล้านหยวน

อย่างไรก็ดี เหอ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งหวังที่จะสร้างสมดุลระหว่างผลกำไรกับความสำเร็จในระยะยาว แต่ เวลานี้ต้องลงทุนอย่างหนักในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างแบรนด์ และยังต้องดำเนินต่อไป แต่เมื่อใดที่อุตสาหกรรมมีเสถียรภาพมากขึ้น กำไรก็จะดีมาก ตามมา

ด้าน บิซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า การทำนายอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีน ของซีอีโอ เอ็กซ์เผิง ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ คือ เมื่อเดือนมีนาคม เคยให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ(CNA) ของสิงคโปร์ บอกว่า ในอีก 3 ปี ถึง 4 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีน จะต้องเผชิญกับการแข่งขันแบบ "น็อคเอาต์" และตามมาด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างผู้เล่น ระดับออลสตาร์

ซึ่ง เหอ กล่าวว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในปี 2030 จะขึ้นอยู่กับความสามารถ และความเป็นไปได้ของผู้เล่นเหล่านี้ อีกทั้งเปรียบเทียบการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์จีน ว่าเหมือนกับการแข่งขันวิ่ง แต่บอกว่า ไม่ใช่แข่งวิ่งระยะสั้น เพราะนี่คือ การแข่งขันวิ่งมาราธอน

ด้าน Ola Källenius (โอลา คัลเลเนียส) ประธานบริหารของ เมอร์เซเดส เบนซ์ แสดงจุดยืนที่คล้ายกันเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดรถยนต์จีน โดยบอกว่า จะมีแค่ผู้ที่แข็งแกร่งและปรับตัวได้ดีเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ และจากผู้เล่นจำนวนมากในปัจจุบัน จะมีอีกหลายรายที่หายไปภายใน 5 ปีข้างหน้า 

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าว เกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีน บอกว่า การแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นนี้ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น

โดย เซาต์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ผู้ผลิตรถอีวีของจีน ที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ ทั้งได้รับผลกระทบจากสงครามราคาในประเทศ และกำแพงภาษีที่สูงในจากตลาดต่างประเทศ บริษัทเหล่านี้ กำลังเร่งใช้มาตรการลดต้นทุน และเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ เพื่อเอาตัวรอดในตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดนี้

และจะมีเพียงผู้ที่สามารถรักษาการเนินงานไว้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งแหล่งเงินทุนจากภายนอก เท่านั้น ที่จะอยู่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนต่อไปได้ เนื่องจากปัญหากำลังการผลิตล้นตลาดกำลังเกิดขึ้น

เฉิน จินจู (Chen Jinzhu) ซีอีโอ ของบริษัทที่ปรึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์ ชางไฮ หมิงเหลียง ออโต้ เซอร์วิส (Shanghai Mingliang Auto Service) กล่าวว่า ตลาดในประเทศกำลังอิ่มตัว ขณะที่ยอดขายจากประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ก็ถูกขัดขวางด้วยกำแพงภาษี ดังนั้น ผู้เล่นหลักในตลาดจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อประหยัดเงิน ในท่ามกลางภาวะยากลำบากที่รออยู่ข้างหน้า

ขณะนี้ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ และคาดว่าทุกบริษัทจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในไม่ช้า หรืออาจะเป็นช่วงเวลาของการตัดสินแพ้ชนะ ก็เป็นได้

รายงานข่าวระบุอีกว่า ในบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในจีน 4 ราย ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังไม่ทำกำไร ได้แก่ Nio, Xpeng, Zeekr ในกลุ่มของ Geely และ Leapmotor ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Stellantis และในจำนวนนี้ มีเพียง นีโอ เท่านั้นที่รายงานการขาดทุนเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

จนถึงปัจจุบันรายที่มีกำไร จะมีเพียง BYD, Li Auto ที่เป็นคู่แข่ง สูสีกับ เทสล่า ในจีน และอีกแบรนด์คือ Aito ที่ได้รับการสนับสนุนจาก หัวเว่ย เทคโนโลยี 

โดยสงครามราคาที่ดุเดือดอยู่นี้ กำลังทำให้คู่แข่งในประเทศส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบหนัก ส่วนผู้ผลิตที่คาดหวังตลาดต่างประเทศ ก็กำลังประสบปัญหาการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตจากจีน 

ขณะเดียวกัน ตลาดรถยนต์ในจีนที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ยักษ์ใหญ่ยานยนต์โลกที่เติบโตมาจากการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน และเคยครองส่วนแบ่งในตลาดจีนมาก่อน แต่เวลานี้อยู่ในสถานการณ์สั่นคลอนเป็นอย่างมาก

ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า หากยังต้องการอยู่ในตลาดนี้ต่อไป ก็จำเป็นจะต้องจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทจีน

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า การจะปรับตัวของบริษัทรถยนต์ต่างชาติที่ผลิตรถสันดาปภายใน ให้เข้ากับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนนั้น เวลากำลังจะหมดลงแล้ว และค่ายรถยนต์ ต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการหาความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อความอยู่รอด

โดยจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่สุดในโลก ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วสู่การเป็นตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ในประเทศ

Tu Le (ตู่ เล่อ) ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ Sino Auto Insights (ซิโน ออโต้ อินไซต์) กล่าวว่า หากแบรนด์ต่างชาติไม่สามารถเปิดตัวรถยนต์พลังงานสะอาดที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดจีนในเร็ว ๆ นี้ ความหวังเดียวที่จะกอบกู้ส่วนแบ่งตลาดที่หายไป ให้กลับคืนมาได้ ก็คือ การร่วมมือกับผู้เล่นในประเทศ ซึ่งก็ไม่แน่ใจนักว่า จะสายเกินไปหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสำหรับบางแบรนด์ต่างชาติอยู่ส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ ซีเอ็นบีซี รายงานด้วยว่า ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น General Motors, Volkswagen และ Nissan พบว่ารายได้ในจีนลดลงต่อเนื่อง ระหว่างปี 2019 ถึง ปี 2023 รวมถึง Kia ที่พบว่ายอดขายในปี 2023 ลดลงจากปี 2020 มากกว่าร้อยละ 30 ยกเว้น เทสล่า ที่มียอดขายในจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่า ระหว่างปี 2019 ถึง ปี 2023

ขณะที่ ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม ที่ผ่านมา BYD และ Geely ของจีนได้ไต่อันดับขึ้นมา โดยยึดตำแหน่งที่หนึ่งและสองในตลาดตามลำดับ

เดวิด นอร์แมน ที่ปรึกษากฎหมายด้านการควบรวมกิจการ ในฮ่องกง และหุ้นส่วนของ เอ แอนด์ โอ เชียร์แมน (A&O Shearman) กล่าวว่า ผู้ผลิตจากฝั่งตะวันตกเริ่มตระหนักได้แล้วว่า พวกเขาไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป และปล่อยให้ตำแหน่งในตลาดของตนเองถูกกัดเซาะไปเรื่อย ๆ ดังนั้นพวกเขาต้องทำอะไรบางอย่าง

เมื่อปีที่แล้ว เดวิด นอร์แมน เป็นตัวแทนของ สเตลแลนทิส ในการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในบริษัท Leapmotor ด้วยมูลค่าประมาณ 1,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ซึ่งหากให้ลองทำนายในอนาคต คิดว่าจะได้เห็นความร่วมมือกันมากขึ้นอีกแน่นอน เพราะความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน มีความสำคัญและกำลังเติบโตต่อเนื่อง


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง