ไต้หวันเตือนรับมือกำแพงภาษี “ทรัมป์”
แบงก์ชาติไต้หวันเตือนความเสี่ยงจากนโยบายการค้า “ทรัมป์” อาจกระทบการส่งออก
“หยาง ชิน-หลง” ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน รายงานต่อรัฐสภาว่า หาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายการค้าตามที่ให้คำมั่นไว้ระหว่างการหาเสียง ก็จะยกระดับความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลก และกระทบการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
รายงานระบุด้วยว่า แผนที่การค้าโลกกำลังจะถูกปรับเปลี่ยน และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อแรงเหวี่ยงด้านการส่งออกของไต้หวันในอนาคต
ธนาคารกลางไต้หวันระบุว่า นโยบายภาษีศุลกากรที่แข็งกร้าวของ “ทรัมป์” จะเป็นนโยบายการค้าที่มีผลกระทบมากที่สุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ หากนำไปปฏิบัติจริง
“ทรัมป์” ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีหน้า มีแนวคิดจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 60 นับเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อจีนที่เป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก และเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไต้หวัน
นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
ทั้งนี้ ไต้หวันตกเป็นเป้าหมายของ “ทรัมป์” ระหว่างการหาเสียง โดยระบุให้ไต้หวันจ่ายค่าคุ้มครองให้สหรัฐฯ และกล่าวหาว่าไต้หวันขโมยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ไปจากสหรัฐฯ
เมื่อปีที่แล้ว ไต้หวันเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ราว 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยไต้หวันถือเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อาทิ แอปเปิล และอินวิเดีย
ธนาคารกลางไต้หวันระบุว่า จะติดตามความเปลี่ยนแปลงของนโยบายสำคัญจากสหรัฐฯ ต่อไป และจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแนวโน้มเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งตอบสนองด้วยนโยบายที่เหมาะสม
ข่าวแนะนำ