TNN EIC ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยปี67-68 ยังไม่ฟื้น

TNN

เศรษฐกิจ

EIC ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยปี67-68 ยังไม่ฟื้น

EIC ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยปี67-68 ยังไม่ฟื้น

SCB EIC ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังไม่ฟื้น โดยคาดว่าจะหดตัวต่อเนื่องในปี 2567 และ2568 แนะพัฒนาโครงการอย่างระมัดระวัง เน้นขยายตลาดต่างชาติ และให้ความสำคัญกับ ESG

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC  ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยพบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยยังต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวช้าของกำลังซื้อ ซึ่งกดดันให้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567-2568 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง 


จากปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจทั้งค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ย และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ ยังคงกดดันการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง ที่ส่วนใหญ่ตัดสินใจยังไม่ซื้อที่อยู่อาศัย หรือชะลอการซื้อออกไป 


โดย SCB EIC คาดว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567  จะหดตัวราวร้อยละ 10 YOY และหดตัวต่อเนื่องหรือติดลบราวร้อยละ 1 ถึงติดลบร้อยละ 3 YOY  ในปี 2568 ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัวราวร้อยละ 9 YOY แต่อาจเริ่มทรงตัวได้ หรือหดตัวเล็กน้อยอยู่ที่ราวร้อยละ +0 ถึงหดตัวร้อยละ 2 YOY ในปี 2568  ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในต่างจังหวัด มีแนวโน้มหดตัวในอัตราที่สูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเล็กน้อย เนื่องจากมีสัดส่วนกำลังซื้อกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่างที่สูงกว่า


นอกจากนี้ SCB EIC ประเมินว่าการเปิดโครงการใหม่ในปี 2567-2568 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากการที่ผู้ประกอบการระมัดระวังในการเปิดโครงการ จากหน่วยเหลือขายสะสมที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง โดยจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลคาดว่าจะหดตัวราวร้อยละ 28 YOY ในปี 2567  และหดตัวต่อเนื่อง หรือติดลบอีกราวร้อยละ 2 ถึงติดลบร้อยละ 4 YOY ในปี 2568  


ทั้งนี้ ภาวะตลาดที่ซบเซาและการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังมีแนวโน้มเป็นไปอย่างเข้มข้นผู้ประกอบการจึงต้องปรับกลยุทธ์ในหลายด้าน อาทิ พัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง //ตอบโจทย์ความต้องการผู้ซื้อแต่ละกลุ่มอย่างตรงจุด // ขยายตลาดผู้ซื้อชาวต่างชาติ //และ บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาอัตรากำไร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG มากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


ที่มา TNN

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง