TNN เอกชนจี้รัฐเร่งป้องกันไทยเสี่ยงถูกลดเครดิต

TNN

เศรษฐกิจ

เอกชนจี้รัฐเร่งป้องกันไทยเสี่ยงถูกลดเครดิต

เอกชนจี้รัฐเร่งป้องกันไทยเสี่ยงถูกลดเครดิต

หอการค้าไทย แนะรัฐเร่งหาทางป้องกันความเสี่ยง ไทยถูกลดเครดิตเรตติ้งประเทศ จี้เร่งดำเนินนโยบายการคลังอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า พร้อมเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญโค้งท้ายปี หวังดันจีดีพีปีหน้าโตร้อยละ 3.5-4

หลังจากที่ SCB EIC ได้เปิด 3 เหตุผลไทยเสี่ยงถูกลดอันดับเครดิตเรตติ้ง(จากปัจจุบัน Fitch จัดไทยอยู่ในเรตติ้ง BBB+ แบบ stable ) ประกอบด้วย


1.ความยั่งยืนของหนี้ภาครัฐ เนื่องจากวินัยการคลังไทยไม่เข้มแข็งเช่นเดิม และการใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มสูงขึ้น  สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทยยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น


2.เสถียรภาพการเมืองและธรรมาภิบาล โดยประเด็นทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อการปรับอันดับดัชนีธรรมาภิบาลของไทย และ 3.อัตราการเติบโตและศักยภาพของเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าภาพที่ Fitch ประเมินไว้เดิมค่อนข้างมาก 


นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่า การที่ไทยถูกมองว่ามีความเสี่ยงจะถูกปรับเครดิตเรตติ้ง อาจจะมาจากความเห็นที่ว่า เศรษฐกิจไทยยังโตต่ำกว่าศักยภาพ ทั้งที่เศรษฐกิจไทยควรโตที่ร้อยละ 3.5 - 4 ต่อปี   นอกจากนี้แม้ความไม่สงบทางการเมืองของไทยจะลดลง แต่ Fitch ยังระบุว่าไทยมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูง ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการวางนโยบายเศรษฐกิจได้


ดังนั้น จึงขอเสนอแนวทางที่รัฐบาลควรดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกปรับเครดิตเรตติ้งของประเทศไทย คือ


1.การใช้เงินนโยบายการคลังอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ทำให้เกิดการกระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนอกจากการจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางที่ออกไปแล้ว สิ่งที่รัฐบาลต้องคิดต่อจากนี้คือ มาตรการเสริมอื่น ๆ ตามที่หอการค้าไทย ได้เคยเสนอไว้


เช่น โครงการคูณสอง เพื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก รวมถึงมาตรการ Easy e-Receipt และมาตรการทางภาษีอื่น ๆ โดยที่รัฐไม่ต้องใช้งบประมาณ เป็นต้น ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ร้อยละ 3.5 – 4 ได้ในปีหน้า


2.การเมืองเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทิศทางของระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลควรใช้เวทีทางรัฐสภาเพื่อกำหนดทิศทางแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง  และหากมีความเสี่ยงทางการเมืองเกิดขึ้นก็ควรมีจุดเปลี่ยนผ่านที่ไร้รอยต่อ เพื่อให้นโยบายทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้


ที่มา TNN

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง