วงการโฆษณา เซ่นพิษ ดิ ไอคอน ? l การตลาดเงินล้าน

คุณ ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP กล่าวว่า การยกเลิกใช้สื่อโฆษณาที่เกิดขึ้น เป็นการยกเลิกเฉพาะแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งมีมูลค่าเป็นหลักสิบล้านบาท จึงมองว่าไม่มีผลกระทบต่อภาพรวม และยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวจากกลุ่มธุรกิจขายตรง ที่ดำเนินธุรกิจขายตรงจริง ๆ ทางตรงกันข้าม ธุรกิจขายตรงเองกลับต้องออกมาแสดงตัวตนให้ชัดเจนว่า การประกอบธุรกิจขายตรงจริง ๆ เป็นคนละประเภทกัน จึงเห็นได้ว่า สมาคมขายตรงไทย ได้ออกมาแอคชัน ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่มีข่าวเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความเชื่อมั่น มองว่าธุรกิจขายตรง อาจจะได้รับผลกระทบในแง่การถูกเหมารวมได้ จึงเป็นความท้าทายของผู้ที่ประกอบอยู่ในธุรกิจนี้ ที่จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน หรือผู้ที่กำลังสนใจในธุรกิจนี้ โดยต้องอธิบายให้เข้าใจ ได้ว่า ธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องตามหลักการนั้น เป็นอย่างไร ซึ่งก็คือการเน้นไปที่การขายของ ที่ตัวสินค้าเป็นหลัก โดยให้สินค้าเป็นที่อยากได้ (หมายถึงให้คนอยากจะซื้อสินค้า) เพื่อให้สินค้าขายได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีการระดมทุน 

มาดูที่ตัวเลขอัปเดทสถานการณ์ในอุตสาหกรรมโฆษณา ล่าสุด เม็ดเงินโฆษณา ช่วง 9 เดือนแรก สิ้นสุดเดือนกันยายน ปี 2567 มีการใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 63,994 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 3.32

เป็นข้อมูลจาก MI GROUP และคาดการณ์ทั้งปี จะเติบโตที่ร้อยละ 3.3 จากปีก่อนหน้า โดยมีการใช้เม็ดเงินโฆษณา อยู่ที่ 87,617 ล้านบาท สื่อทีวี แม้จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีส่วนแบ่งมากที่สุด ที่ร้อยละ 40.5

แต่หากดูข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี จะพบว่า ส่วนแบ่งตลาดจากสื่อทีวี ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2565 สื่อทีวี มีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมโฆษณาที่สัดส่วนร้อยละ 45.3 ต่อมา ปี 2566 สัดส่วนลดลงมาที่ร้อยละ 41.7 และปีนี้ คาดว่าสัดส่วนจะลดลงมาอีก อยู่ที่ร้อยละ 40.5

สวนทางกับสื่อดิจิทัล ที่กินส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากร้อยละ 31.8 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 34.5 ในปี 2566 และปีนี้ 2567 คาดว่าส่วนแบ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 36

ขณะที่ สื่อนอกบ้าน (out of home) ปี 2565 มีส่วนแบ่งร้อยละ 13.6 และเพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 15 ในปี 2566 และปีนี้ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ร้อยละ 15.2