TNN คนไทยชอบหวาน ดันตลาดนมข้นโต 4-5% l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

คนไทยชอบหวาน ดันตลาดนมข้นโต 4-5% l การตลาดเงินล้าน

เปิดกลยุทธ์ แบรนด์ กู๊ดวิล (Goodwill) ธุรกิจนม ตั้งเป้าหมายผลักดันยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท ในปี 2568

ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่มกันก่อน ซึ่งจะทำให้เห็นถึงการเติบโตที่สอดคล้องกันทั้งหมด ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดการณ์ว่า ระหว่างปี 2567 - 2569 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม จะเติบโตที่ร้อยละ 4 ถึง 5 ต่อปี ด้วยรายได้รวมที่ 275,000 - 300,000 ล้านบาท

มีปัจจัยสนับสนุนทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทาน ด้านอุปสงค์ของธุรกิจนี้ มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก การทยอยฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การฟื้นตัวของการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลง ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ นักท่องเที่ยวก็ทยอยกลับมาเพิ่มขึ้น เป็นลำดับ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญฯ เช่น จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ส่วนนักท่องเที่ยวไทย คาดว่าจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยได้ปัจจัยสนับสนุนโครงการต่าง ๆ จากภาครัฐ

ด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคเอง ที่หันมานิยมทานอาหารที่ร้านมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของโควิด 19 คลี่คลาย และยังมีปัจจัยเร่ง จากการขยายตัวของความเป็นเมือง และสื่อโซเชียลมีเดีย ที่แนะนำร้านอาหารใหม่ ๆ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ 

ส่วนด้านอุปทาน มีหลายปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม เช่นกัน อันได้แก่ ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ส่งผลให้สามารถรักษาคุณภาพของอาหารได้นานขึ้น เอื้อต่อการเปิดร้านอาหารในพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งวัตถุดิบ ถัดมา เกิดจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ให้บริการแอปพลิเคชันส่งอาหาร ที่พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ รองรับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้การบริการของร้านอาหารมีช่องทางเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

และ การขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงเป็นช่องทางให้ร้านอาหารสามารถขยายกิจการไปตามธุรกิจค้าปลีก

ส่วนผลิตภัณฑ์นม และนมข้น มีการใช้มากในกลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวาน มีคาดการณ์ว่าเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 4-5 ต่อปี ซึ่งเติบโตในทิศทางเดียวกัยตลาดนมข้นทั่วโลก ซึ่งมีคาดการณ์ว่า ปี 2567 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ กว่า 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่มเป็นกว่า 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2572 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 4.2 โดยพบว่า ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และมาเลเซีย กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์นมข้นในอาหาร และเครื่องดื่มท้องถิ่น

คุณ อิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์นมแบรนด์ กู๊ดวิล บอกว่า ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงขนมหวานด้วย ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทย ที่ชอบกินของหวานไม่ว่าจะเป็นแนวคิด กินคาว แล้วต้องกินหวาน ในทุกมื้ออาหาร และขนมหวานต่าง ๆ ก็ยังเป็นหนึ่งในเมนูสำคัญของงานเลี้ยงสังสรรค์เสมอ

โดยบอกอีกว่า ของหวานไม่ใช่สิ่งไม่ดี เพราะหากทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็ช่วยทำให้สดชื่น ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาตลอด แต่ก็จะมีเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่น สมัยก่อนที่นิยมคือ กาแฟร้อนใส่นม และ โรตี แต่ปัจจุบันมี บิงซู และ ชิบูย่าโทส เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะพัฒนาไปอย่างไร สำหรับของหวานสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือนมข้นหวาน ส่วนขมข้นจืด ก็จะอยู่ในกลุ่มเครื่องดื่ม ทั้งชา และกาแฟ เป็นต้น 

ทั้งนี้ คุณ อิทธิพล เป็นทายาท และอดีตกรรมการบริหาร บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด (แบรนด์ พาเลซ) มีประสบการณ์ กว่า 23 ปี ในธุรกิจแปรรูปอาหาร ปัจจุบันก่อตั้งบริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด ได้ 3 ปีแล้ว ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตครีมเทียมข้นหวาน และนมข้นจืดภายใต้แบรนด์ กู๊ดวิล

สินค้าในปัจจุบันมีทั้ง นมข้นหวาน นมข้นจืด นมพร้อมดื่ม และผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวออกมาล่าสุด คือ นมผสมสูตรสำเร็จ และมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ต่อปี

เจ้าของแบรนด์ กู๊ดวิล บอกด้วยว่า จะเน้นทำตลาดกับธุรกิจร้านค้าเป็นหลัก และจะไม่ขายปลีก เพราะมองว่าเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่นิยมซื้อนมข้นมาทำกินเองแล้ว แต่จะไปกินที่ร้าน หรือซื้อกลับมากินที่บ้านแทน

ส่วนแผนธุรกิจ จะกระจายสินค้าผ่านช่องทาง ยี่ปั้ว ซาปั้ว ทั่วประเทศ และนอกจากขยายตลาดในประเทศแล้ว ยังรุกตลาดส่งออกควบคู่กันไป ผ่านผู้นำเข้าของแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา 

โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการตอบรับที่ดี และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เห็นว่ายังมีช่องว่างทางการตลาด และมีโอกาสเติบโตได้ และปีหน้า (2568) ตั้งเป้าผลักดันยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท

และสำหรับแผนระยะกลาง และระยะยาว จะมุ่งพัฒนาทีมให้ทำงานอย่างเป็นระบบ ตลอดจนปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และเป้าหมายถัดไป คือเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2571

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง