เอกชน แนะรัฐบาล ฟื้นคนละครึ่ง-ชิมช้อปใช้
เอกชน แนะ “รัฐบาล” ฟื้นคนละครึ่ง-ชิมช้อปใช้ ปั๊มเศรษฐกิจปลายปี’67 ชี้นโยบายซ้ำ แต่เปลี่ยนชื่อได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจช่วงปลายปี 67 รัฐบาลอาจต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง หรือ ชิมช้อปใช้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอื่นๆ แม้จะเป็นมาตรการของรัฐบาลที่ผ่านมา แต่สามารถเปลี่ยนชื่อได้ แต่ขอให้อยู่ในคอนเซ็ปต์เดียวกัน
เพราะบรรยากาศเศรษฐกิจขณะนี้ แม้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 2.6% แต่ประชาชนและภาคธุรกิจยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ดังนั้น สถานการณ์เหล่านี้เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องมีมาตรการกระตุ้น
สำหรับการประชุมของ กนง.ต้องติดตามการส่งสัญญาณของ ธปท.ต่อเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไร เพราะประเทศไทยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดในอาเซียน เช่น มาเลเซีย ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ขณะที่ไทยอยู่ที่ 2.5% ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ต่ำ ธปท.อาจมีมุมมองว่าเหมาะสมกับการระดมเงินออม เพื่อการลงทุนระยะยาว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า หอการค้าไทย คิดว่าการลดดอกเบี้ย คือ 1.ยึดตามกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อไทยขณะนี้อยู่ที่ 0.6% และเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5-1% คิดว่าเศรษฐกิจที่ซึมตัวจากความเชื่อมั่นที่ลดลง น้ำท่วม ความเสี่ยงสงคราม การลดดอกเบี้ยตามกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อสามารถดำเนินการได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย 0.75% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐแคบลงเหลือ 2.25% เพราะดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ที่ 4.75% และไทย 2.5% ถ้าไม่ลดดอกเบี้ย ซึ่งการปรับดอกเบี้ยของสหรัฐ อาจเป็นแรงกดดันทำให้เงินบาทกลับมาแข็งเร็วขึ้นได้
ดังนั้น สำคัญมากที่กระทรวงการคลัง และ ธปท. จะเจรจากันเรื่องกรอบอัตราเงินเฟ้อ และการพูดคุยกันนั้น ธปท.จะส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ จากที่ ธปท.ยืนยันมาตลอดว่าอัตราดอกเบี้ยเหมาะสมต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อต่ำเป็นผลจากมาตรการด้านพลังงานของรัฐ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาพลังงานเริ่มกลับใกล้เคียงความจริง อีกทั้งเศรษฐกิจไทยซึมตัว รวมถึงเงินเฟ้อต่ำ ในหลักการทางวิชาการมุมหนึ่งเห็นว่าการลดดอกเบี้ยสามารถดำเนินการได้ ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อต่ำกว่า 1%
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ