โจมตีน้ำมันอิหร่านราคาส่อพุ่งพรวด 20 ดอลล์

“ดาน สตรูเวน” หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ “โกลด์แมน แซคส์” ระบุกับ CNBCว่า หากการผลิตน้ำมันของอิหร่านถูกโจมตีจนทำให้ปริมาณลดลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือหายไปราว 1 ใน 4 จะทำให้ราคาขยับสูงสุด 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปีหน้า 

เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และยังขยับขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอิสราเอลอาจจะโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน หลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธไปยังอิสราเอลเมื่อกลางสัปดาห์  

อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่ากลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่หากซาอุดีอาระเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถผลิตทดแทนได้ ทำให้ราคาอาจขยับขึ้นราว 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ตลาดน้ำมันได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากการผลิตของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคของจีนที่ลดลง แต่แนวโน้มอาจเปลี่ยนไปจากความขัดแย้งครั้งล่าสุดที่ส่อแววบานปลาย

อิหร่านเป็นสมาชิกโอเปก และเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดน้ำมันโลก โดยผลิตได้เกือบ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และประเมินว่าน้ำมันร้อยละ 4 ของการผลิตทั้งโลกตกอยู่ในความเสี่ยง หากโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของอิหร่านกลายเป็นเป้าโจมตี 

“ซอล คาโวนิก” นักวิเคราะห์อาวุโสด้านพลังงานของ MST มาร์คี มองว่า เกาะคาร์กของอิหร่านอาจตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งเกาะแห่งนี้มีสัดส่วนร้อยละ 90 ของการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมด แต่ที่น่ากังวลกว่านั้น คือ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ

ด้าน “ฟิตช์ โซลูชั่น” ประเมินว่า กรณีที่เกิดสงครามเต็มรูปแบบ ราคาน้ำมันเบรนต์น่าจะพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และหากปิดช่องแคบฮอร์มุซ ราคาน้ำมันอาจพุ่งแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือมากกว่านั้น